สถานการณ์ตลาดหุ้นช่วงโค้งสุดท้ายปี 2567 กลับสู่ความเลวร้ายอีกครั้ง ดัชนีหุ้นปักหัวลง จนความหวังที่จะได้เห็นระดับ 1,500 จุดอีกครั้ง เป็นเพียงแค่ความเพ้อฝัน เพราะดัชนีถอยร่นหลุดระดับ 1,400 จุดลงมาแล้ว และไม่รู้ว่าสิ้นปีจะปิดลงที่เท่าไหร่
เดือนธันวาคมปีนี้ นักลงทุนตั้งความคาดหวังว่า ดัชนีจะมีโอกาสดีดตัวกลับขึ้นไปแตะระดับ 1,500 จุดอีกครั้ง เพราะกองทุนวายุภักษ์ยังมีเงินเหลืออยู่ และจะมีกองหนุนจากกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนหรือ TESG ที่จะระดมเงินได้อีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาทเข้ามาเสริม
แต่ความหวังเลือนรางลงไปแล้ว ข่าวดีที่จะเข้ามากระตุ้นตลาดหุ้นขาดแคลน และยังมีปัจัยจัยลบจากการที่บริษัท ซีพี แอ๊กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ซึ่งเป็นหุ้นในกลุ่ม CP ของนายธนินท์ เจียรวนนท์ นำเงินไปลงทุนในโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซึ่งเป็นทายาทของนายธนินท์ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในปัญหาธรรมาภิบาล และการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน
นำเงินบริษัทจดทะเบียนซึ่งเป็นกิจการมหาชนไปอุ้มกิจการของกลุ่มเจียรวนนท์
ผลที่ตามมาคือ การเทขายหุ้นในกลุ่ม CP ทั้งหมดในตลาดหุ้น จากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ และลุกลามบานปลายไปสู่การเทขายหุ้นขนาดใหญ่กลุ่มอื่นตาม เพราะภาพรวมของตลาดหุ้นไทยกำลังถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับธรรมาภิบาล ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่จุดชนวนการเทขายหุ้นต้นสัปดาห์นี้
ตลาดหุ้นเมื่อวันอังคารที่ 17 ธันวาคมผ่านมาปั่นป่วนขนาดหนัก ดัชนีปิดที่ 1,395.57 จุด ลดลง -24.15 จุด หลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,400 จุดเร็วเกินคาด เนื่องจากผลกระทบปัญหาธรรมาภิบาลของกลุ่ม CP ที่ลุกลาม
ช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายก่อนปิดฉากปี 2567 ตลาดหุ้นไม่มีข่าวดีกระตุ้นอยู่แล้ว แต่กลับมีปัจจัยลบกรณี CP ซ้ำเติม นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ จึงพร้อมใจเทขายหุ้นกันอีกครั้ง จนตลาดหุ้นตกอยู่ในความเลวร้าย ดัชนีเมื่อเทียบกับจุดปิดสิ้นปี 2566 กลับมาติดลบ
เพราะสิ้นปี 2566 ดัชนีจบที่ 1,415.85 จุด ล่าสุดปิดที่ 1,395.57 จุด ติดลบแล้ว 20.28 จุด หรือติดลบ -1.43%
บรรยากาศการลงทุนที่ซบเซาส่งท้ายปีเก่า นอกจากไม่มีข่าวดีกระตุ้น และถูกปัจจัยลบรอบด้านกดดันแล้ว ยังเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความสิ้นหวังของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดหุ้นระยะสั้นในปีนี้ และแนวโน้มในปี 2568 ด้วย
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ผลักดันออกมา โดยเฉพาะการแจกเงิน 10,000 บาท ในงวดแรกประมาณ 150,000 ล้านบาท ละลายหายไปแล้ว โดยแทบไม่มีผลในการปลุกเศรษฐกิจให้กระเตื้องแต่อย่างใด
กองทุนรวมวายุภักษ์ 150,000 ล้านบาท อยู่ในสภาพนกยักษ์ปีกหัก ไม่สามารถดึงดัชนีให้ผงกหัวขึ้นมาได้ เงินที่ระดมจากประชาชนและนำเข้ามาซื้อหุ้น กลายเป็นโอกาสอันดีที่นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นราคาดีๆ โยนใส่ "วายุภักษ์"
ความหวังที่จะได้เห็นรัฐบาล น.ส.แพทองธาร พลิกฟื้นเศรษฐกิจริบหรี่เต็มที มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ประกาศไว้ ไม่ได้เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศอีกต่อไป
นักลงทุนต่างชาติยังคงก้มหน้าก้มตาขายหุ้น โดยปี 2566 ขายหุ้นสุทธิประมาณ 1.96 แสนล้านบาท ส่วนปีนี้ตัวเลขล่าสุดเมื่อสิ้นวันที่ 17 ธันวาคม ต่างชาติขายหุ้นออกแล้ว 146,564.60 ล้านบาท และไม่มีสัญญาณกลับมาซื้อหุ้น ทั้งปีนี้และปีหน้า
การลงทุนหุ้นปีนี้ดูแย่แล้ว ไม่รู้ดัชนีจะปิดฉากที่ระดับใด แต่กูรูหุ้นและนักวิเคราะห์หุ้นส่วนใหญ่ประเมินว่า
ตลาดหุ้นไทยปีหน้า นักลงทุนจะเจอวิบากกรรมที่หนักกว่า และเกินปัญหารัฐบาล น.ส.แพทองธาร หรือคนที่เป็นพี่เลี้ยงอยู่เบื้องหลังจะกอบกู้วิกฤต ทั้งเศรษฐกิจและตลาดหุ้นได้หรือไม่