นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (18 ธ.ค.) ที่ระดับ 34.19 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันที่ผ่านมาที่ระดับ 34.24 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.05-34.40 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดรับรู้ผลการประชุม กนง. ของไทย และ FOMC ) โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้างในลักษณะ Sideways Down (กรอบการเคลื่อนไหว 34.15-34.28 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการรีบาวนด์ขึ้นบ้างของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่สามารถทยอยปรับตัวขึ้นสู่โซน 2,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากเผชิญแรงขายหนักในช่วงวันก่อนหน้า โดยราคาทองคำ รวมถึงเงินบาทได้แรงหนุนตามจังหวะการปรับตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นว่า เฟดจะส่งสัญญาณต่อแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้าอย่างไร โดยผู้เล่นในตลาดบางส่วนเริ่มมีมุมมองว่า เฟดอาจส่งสัญญาณผ่านคาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ใหม่ ว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้มากกว่าที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่ในปัจจุบัน ทำให้ยังคงเห็นแรงซื้อบอนด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในจังหวะที่บอนด์ยิลด์ปรับตัวสูงขึ้น และแรงขายทำกำไรการปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์อยู่ นอกจากนี้ แม้ว่า ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนจะขยายตัว +0.7% จากเดือนก่อนหน้า ดีกว่าคาดเล็กน้อย
ทว่ายอดผลผลิตอุตสหากรรม (Industrial Production) เดือนพฤศจิกายนกลับหดตัวต่อเนื่อง -0.1%m/m แย่กว่าคาดพอสมควร ซึ่งรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดังกล่าวมีส่วนชะลอการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในช่วงคืนที่ผ่านมาเช่นกัน
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ผ่านรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนพฤศจิกายน เช่นเดียวกันกับในฝั่งยูโรโซน ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซนในเดือนพฤศจิกายนเช่นกัน เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
ส่วนในฝั่งเอเชีย เราคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.25% (มติอาจไม่เป็นเอกฉันท์ได้) เพื่อคงนโยบายการเงินที่เป็นกลาง ให้สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจ เช่นเดียวกันกับธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ที่อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 6.00% เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินรูเปียะห์ (IDR) แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงมากขึ้นก็ตาม
และในฝั่งสหรัฐฯ ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุม FOMC ของเฟด ซึ่งจะรับรู้ในช่วงราว 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทยของเช้าวันพฤหัสฯ นี้ โดยเรามองว่า เฟดจะลดดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 4.25-4.50% ทว่า เฟดอาจส่งสัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ย ผ่านคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยเฟด (Dot Plot) ใหม่ที่อาจสะท้อนว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยลงราว 3-4 ครั้งในปีหน้า และเฟดอาจจบรอบการลดดอกเบี้ย (Terminal Rate) ที่ระดับสูงกว่าราว 3.00% ที่เฟดได้ประเมินไว้ในการประชุมเดือนกันยายน สอดคล้องกับการปรับคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ (Summary of Economic Projections หรือ SEP) ที่อาจดีขึ้นเมื่อเทียบกับ SEP ในการประชุมเดือนกันยายน และนอกเหนือจากคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจและดอกเบี้ยนโยบายใหม่ของเฟด บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟดในช่วง Press Conference อย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการประเมินทิศทางนโยบายการเงินของเฟด
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงประเมินว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว Sideways ใกล้โซน 34.20 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้น ทั้งผลการประชุม กนง. ของไทย รวมถึงผลการประชุม FOMC ของเฟดในวันพฤหัสฯ นี้
โดยในช่วงระหว่างวัน เราประเมินว่าเงินบาทอาจมีโซนแนวต้านแถว 34.30 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวรับอาจขยับขึ้นมาแถว 34.10-34.15 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้บ้าง หากบรรดานักลงทุนต่างชาติยังคงเดินหน้าขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม ทว่า แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าดังกล่าวอาจถูกชะลอลงบ้างในกรณีที่ราคาทองคำสามารถรีบาวนด์ขึ้นต่อเนื่องได้
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI ของอังกฤษ รวมถึงผลการประชุม กนง. ของไทย โดยหากอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษชะลอลงชัดเจนและออกมาต่ำกว่าคาด อาจเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของ BOE กดดันให้เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) อ่อนค่าลงได้ ส่วนผลการประชุม กนง. นั้น แม้ว่าเรามองว่าอาจเป็น Non-Event ที่อาจไม่ได้กระทบต่อตลาดการเงิน แต่หาก กนง. มีมติลดดอกเบี้ยสวนทางกับที่เราประเมินไว้ พร้อมส่งสัญญาณเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงกว่าที่เราประเมินไว้ได้
ส่วนในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสฯ เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุมเฟดและถ้อยแถลงของประธานเฟดในช่วง Press Conference โดยเราคงมุมมองเดิมว่า หากเฟดและประธานเฟด ส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้มากกว่าที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่ อาจกดดันให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้าง หนุนทั้งราคาทองคำและเงินบาทได้ แต่หากเฟดปรับเปลี่ยนมุมมองใหม่ สอดคล้องกับสิ่งที่ตลาดคาดหวัง อาจไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ