xs
xsm
sm
md
lg

EXIM BANK เดินหน้าบทบาท Green Development Bank ตั้ง 2 ทีมงานรุกธุรกิจใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 3% ด้วยแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุน และการบริโภค ควบคู่กับความต้องการจากต่างประเทศในภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกซึ่งมีแนวโน้มขยายตัว เป็นผลจากเศรษฐกิจโลกขยายตัวต่อเนื่อง โดยคาดการณ์การส่งออกไทยปี 2568 จะขยายตัว 3% ขณะที่ปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะในตะวันออกกลางที่อาจส่งผลให้ค่าระวางและราคาน้ำมันผันผวน ความผันผวนของค่าเงิน และสงครามการค้ารอบใหม่ (Trade War 2.0) เป็นผลจากนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศต่างๆ ของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ทั้งนี้ ในส่วนของ EXIM BANK จะให้ความสำคัญกับการเป็นผู้นำผู้ประกอบการไทยรุกตลาดการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ โดยส่งเสริมการส่งออกและการลงทุนในธุรกิจที่ไทยมีศักยภาพ สอดรับกับเทรนด์ผู้บริโภคในโลกการค้ายุคใหม่ ได้แก่ 1.สินค้าตอบโจทย์ความมั่นคงด้านอาหาร (Food for Security) ซึ่งประเทศไทยอยู่ในอันดับ 10 ของประเทศผู้ผลิตอาหารต่อคนมากที่สุดในโลก สินค้าไทยที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก ได้แก่ ทูน่ากระป๋องและไก่แปรรูป น้ำตาลทราย และซาร์ดีนกระป๋อง 2.สินค้ารักษ์โลก (Good for Planet) สินค้าไทยที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก ได้แก่ เม็ดพลาสติกชีวภาพ (Polylactic Acid : PLA) และแผงโซลาร์เซลล์ 3.สินค้าและบริการที่สร้างความสุขหรือประสบการณ์ใหม่ (Mood for Joy) สินค้าไทยที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก ได้แก่ อาหารสัตว์เลี้ยง เครื่องประดับเงิน เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว ธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

รวมทั้งจะเดินหน้าบทบาท Green Development Bank นำทัพผู้ประกอบการไทยขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำและสร้างโลกที่ยั่งยืน มุ่งสู่เป้าหมายเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อสนับสนุนธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance : ESG) เป็น 40% ภายในปี 2568 พร้อมเปิดตัวบริการใหม่ด้านวาณิชธนกิจ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ จัดหาเงินทุนสำหรับโครงการ รวมถึงค้ำประกันหุ้นกู้ (Bond Guarantee) แก่ผู้ประกอบธุรกิจที่คำนึงถึง ESG

ขณะเดียวกัน EXIM BANK สนับสนุนธุรกิจส่งออกและการลงทุนที่ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน นำพาธุรกิจไทยทุกขนาดเข้าสู่ Green Export Supply Chain และมุ่งสู่เป้าหมายธนาคารด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2570 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593

"ในปีหน้าเราจะมีอีก 2 ส่วนงานใหม่ได้แก่ ธุรกิจวาณิชธนกิจที่จะสามารถทำให้ธนาคารมีเครื่องมือใหม่ๆ เข้ามาใช้ โดยการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้ลูกค้าในการระดมทุน รวมถึงการค้ำประกันหุ้นกู้ที่จะช่วยให้ง่ายต่อการขายและช่วยลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นได้ในปีหน้าในปีหน้า รวมถึงธุรกิจด้านจัดการกองทุนต่างๆ ที่จะทยอยทำต่อไป โดยธุรกิจวาณิชธนกิจจะถือเป็นส่วนที่ธนาคารจะให้ความสำคัญอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต และส่วนงาน Business Development ที่จะทำหน้าที่เชื่อมต่อให้ผู้ประกอบการไทยเช้าสู่ซัปพลาย เชนของผู้ผลิตจากจีน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการปรับตัวและสร้างรายได้เพิ่ม"

นายรักษ์กล่าวอีกว่า สิ่งที่สำคัญคือ ผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจที่ไปไม่ไหวต้องรู้ตัว อย่าฝืนเพราะคิดว่ามีตัวช่วยปรับโครงสร้างหนี้อย่างโครงการ 'คุณสู้ เราช่วย' 3 ปี อันนี้เป็นการลดภาระ เพื่อให้นำภาระที่ลดลงไปปรับเปลี่ยนธุรกิจให้กลับมาเข้าสู่เทรนด์ มิฉะนั้น จะอยู่ไม่ได้

ด้านผลการดำเนินงานของธนาคาร ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2567 EXIM BANK มียอดสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพัน 179,316 ล้านบาท และคาดว่าจะสูงกว่า 190,000 ล้านบาทภายในสิ้นปี 2567 เพิ่มขึ้น 6.8% จาก 177,932 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2566 ขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) คาดว่าจะอยู่ที่ 3.49% ลดลงถึง 1.2% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน เป็นผลจากการติดตามคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิดของธนาคาร ทำให้คาดว่า ณ สิ้นปี 2567 EXIM BANK จะสามารถทำกำไรสุทธิได้สูงกว่า 1,000 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น