แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะถูกคาดการณ์ว่าช่วงที่เหลือเดือน ธ.ค.นี้ จะคึกคักสดใสรับไฮซีซัน การอุปโภค-บริโภค การจับจ่าย-ท่องเที่ยว แต่ทว่าหุ้นใหญ่ระดับมาร์เกตแคป 1แสนล้านขึ้นไปในปี2567 ทำผลงาน ผลตอบแทนด้านราคาไม่ค่อยสู้ดีนัก หลายหลักทรัพย์ยังติดลบอยู่ในระดับมากกว่า -10% ขึ้นไป
1.SCC บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) มาร์เก็ตแคปล่าสุด 208,800.00 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้น ปี 67 คือ -43.14% สิ้นปี 66 ปิด 306.00บาท ณ 13ธ.ค. 67 ปิด 174.00 บาท ลดลง 132.00บาท,ผลตอบแทนราคา 5 วัน -4.92%,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52สัปดาห์คือ 307.00 / 172.50บาท,ค่า P/E 36.51 เท่า,อัตราเงินปันผล YTD ปี 67 คือ 3.45%,งบ 9เดือน/2566 คือ 27,049.34 ล้านบาท,งบ 6 เดือน/2567 คือ 6,854.08 ล้านบาท ลดลง 20,195.26ล้านบาท หรือ -74.66%
บริษัทย่อยในกลุ่มบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด(มหาชน) หรือ SCGC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCC ถือหุ้นทั้งหมด ได้ซื้อหุ้น 51% ในบริษัททีมพลาส เคมีคอล จำกัด หรือ Teamplas จากบริษัท ทีมพลาส จำกัด หรือ TP และเข้าร่วมทุนกับ TP โดยซื้อหุ้นเพิ่มทุนบริษัททีมพลาส เซอร์คูลาร์ โซลูชั่นส์ จำกัด หรือ TCS ในสัดส่วน 51%
2.PTTGC บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคปล่าสุด 111,819.46 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้น ปี 67 คือ -35.58% สิ้นปี 66 ปิด 38.50 บาท ณ 13 ธ.ค. 67 ปิด24.80 บาท ลดลง13.70 บาท,ผลตอบแทนราคา 5 วัน -2.75%,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 41.25 / 22.80 บาท,ค่า P/E - เท่า,อัตราเงินปันผล YTD ปี 67 คือ 3.02%,งบ 9 เดือน/2566 คือ-4,082.29 ล้านบาท,งบ 6 เดือน/2567 คือ -18,072.42 ล้านบาท
PTTGC ประกาศความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ครั้งแรก ซึ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มูลค่ารวม 17,000 ล้านบาทและเป็นหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงสุดในกลุ่มหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ตอกย้ำความเชื่อมั่นนักลงุทน
3.OR บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคปล่าสุด 165,600.00 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้น ปี 67 คือ-27.75% สิ้นปี 66 ปิด19.10 บาท ณ 13 ธ.ค. 67 ปิด 13.80บาท ลดลง 5.30บาท,ผลตอบแทนราคา 5 วัน -3.50%,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 20.40 / 13.60 บาท,ค่า P/E 34.19 เท่า,อัตราเงินปันผลYTD ปี 67 คือ 3.77%,งบ 9 เดือน/2566 คือ10,901.13 ล้านบาท,งบ 6 เดือน/2567 คือ 4,650.94 ล้านบาท ลดลง 6,250.19 ล้านบาท หรือ-57.34 %
ผู้บริหารางกลยุทธ์ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกมิติ โดยเฉพาะการผลักดันให้เกิด Digital Transformation ต่อยอดสู่การพัฒนาธุรกิจใหม่นอกจากนี้ยังเดินหน้าขยายการลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยวางรากฐานผ่านการลงทุนใน PTT (Cambodia) หรือ PTTCL ในฐานะ Second Homebase พร้อมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ควบคู่กับการต่อยอดโครงการ Project ONE ในประเทศฟิลิปปินส์
4.CRC บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคปล่าสุด 202,038.50 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้น ปี 67 คือ -18.29% สิ้นปี 66 ปิด 41.00 บาท ณ 13 ธ.ค. 67 ปิด 33.50 บาท ลดลง 7.50บาท,ผลตอบแทนราคา 5 วัน -0.74%,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ41.50 / 24.20 บาท,ค่าP/E 22.21 เท่า,อัตราเงินปันผล YTD ปี 67 คือ1.64%, ,งบ 9 เดือน/2566 คือ 4,878.00 ล้านบาท,งบ 6 เดือน/2567 คือ 5,959.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1081.85 ล้านบาท หรือ+22.18%
โบรกฯคาดผลงานในไตรมาส 4/67 ดีขึ้นหลังเห็นสัญญาณบวกจากไตรมาส 3/67 จากการเริ่มมีการคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น รวมทั้งไตรมาส 4/67 ยังได้แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาล และการกลับมาเปิดห้างในส่วนของเซ็นทรัลชิดลม และห้าง Rinascente Milan ที่อิตาลี ที่จะเพิ่มยอดขายให้กับ CRC ได้หลังรีโนเวท นอกจากนี้ยังอัพไซด์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่คาดว่าจะออกมาใช้ช่วงปลายปี
5.PTTEP บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคปล่าสุด 484,338.22 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้น ปี67 คือ -18.39% สิ้นปี 66 ปิด 149.50 บาท ณ 13 ธ.ค. 67 ปิด 122.00 บาท ลดลง 27.50 บาท,ผลตอบแทนราคา 5 วัน -4.69% , ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52สัปดาห์คือ 164.50 / 120.50 บาท,ค่า P/E 6.15 เท่า,อัตราเงินปันผลYTD ปี 67คือ 7.79%,งบ 9เดือน/2566 คือ 58,422.44 ล้านบาท,งบ 6 เดือน/2567 คือ 60,525.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,102.62 ล้านบาท หรือ +3.60%
โบรกฯคาดว่ากำไรปกติไตรมาส 4/2567 ของ PTTEP จะทรงตัว QoQ จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น 9% เป็น 530 KBD ซึ่งถูกชดเชยด้วยราคาน้ำมันที่ลดลงและต้นทุนการผลิตต่อหน่วยที่สูงตามฤดูกาล นอกจากนี้ เรายังมองเห็น downside risk จากการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้นจำนวน 80-100 ล้านดอลลาร์ฯ หากการก่อสร้างโครงการโมซัมบิกไม่สามารถกลับมาดำเนินการได้ภายในสิ้นปีนี้
6.CPN บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคปล่าสุด 258,060.00 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้น ปี 67 คือ -17.86% สิ้นปี 66 ปิด 70.00 บาท ณ 13 ธ.ค. 67 ปิด 57.50บาท ลดลง 12.50 บาท,ผลตอบแทนราคา 5 วัน -4.96% ,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ70.00 / 52.50 บาท,ค่า P/E 15.35 เท่า,อัตราเงินปันผล YTD ปี 67 คือ 3.13%,งบ 9 เดือน/2566 คือ 11,085.36 ล้านบาท,งบ 6 เดือน/2567 คือ 12,835.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,750.28 ล้านบาท หรือ +15.79%
ล่าสุดเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ “Market Place เทพรักษ์” ด้วยโมเดล Community Mall ผนวกกับ Urban Fresh Market เจาะใจกลางย่านเทพรักษ์-วัชรพล โซนกรุงเทพฯ ตอนเหนือ ในเดือนมกราคม 2568 รับเทศกาลตรุษจีนยิ่งใหญ่ และกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทย ไตรมาส 4 ทำให้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเป็น Global Destination ตัวจริงของการฉลองเทศกาลความสุขอย่างยั่งยืน ด้วยแคมเปญส่งท้ายปี “The World’s Great Celebration 2024”
7.HMPRO บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคปล่าสุด 128,224.18 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้น ปี 67 คือ -16.67% สิ้นปี 66 ปิด 11.70 บาท ณ 13ธ.ค. 67 ปิด 9.75 บาท ลดลง 1.95 บาท,ผลตอบแทนราคา 5 วัน +0.52% ,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 12.30 / 7.65 บาท,ค่าP/E 19.87 เท่า,อัตราเงินปันผลYTD ปี 67คือ 4.10%,งบ 9เดือน/2566 คือ4,764.12 ล้านบาท,งบ 6 เดือน/2567 คือ 4,776.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.41 ล้านบาท หรือ+0.26%
โบรกฯคาดกำไร Q4/67 ส่อแววสดใส คาดกลับมาเติบโต YoY และ QoQ ได้ โดยต.ค.67 SSSG โฮมโปรเหลือ –3% YoY และของเมก้าโฮม +4%YoY ได้รับผลบวกจากการซ่อมแซมบ้านหลังผ่านพ้นน้ำท่วม และคาดกำไรปีนี้ +1.2% ปี หน้ า+7% บวกกับคาด Dividend Yield ปีนี้เกิน 4% สูงสุดในกลุ่มค้าปลีก
8.BH บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคปล่าสุด 153,418.78 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้น ปี 67 คือ -13.06% สิ้นปี 66 ปิด 222.00 บาท ณ 13 ธ.ค. 67 ปิด 193.00 บาท ลดลง 29.00 บาท ,ผลตอบแทนราคา 5 วัน -8.53%,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52สัปดาห์คือ 284.00 / 190.50 บาท,ค่าP/E 20.23 เท่า,อัตราเงินปันผล YTD ปี 67 คือ 2.33%,งบ 9เดือน/2566 คือ 5,285.62ล้านบาท,งบ 6 เดือน/2567 คือ 5,871.77ล้านบาท เพิ่มขึ้น 586.15ล้านบาท หรือ+11.09 %
โบรกฯ คาดผลงาน Q4/67 กำไรอยู่ที่ 1,780 ล้านบาท เติบโต 3% YoY แต่ลดลง 9% QoQ รายได้ยังไม่ฟื้น ทำให้เน้นบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่อเนื่องปรับกำไรสุทธิปี 67 - ปี 69 ลง 2-3% สะท้อนผลกระทบลูกค้าต่างชาติที่มีประเด็นเฉพาะตัว รวมทั้งปรับราคาเป้าหมายปี 68 ลงเป็น 260บาท
9.GPSC บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคปล่าสุด 119,133.57 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้น ปี 67 คือ-12.89% สิ้นปี 66 ปิด 48.50 บาท ณ 13 ธ.ค. 67 ปิด 42.25 บาท ลดลง 6.25 บาท,ผลตอบแทนราคา 5 วัน -5.06% , ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52สัปดาห์คือ 56.50 / 35.75 บาท,ค่า P/E 33.65 เท่า,อัตราเงินปันผล YTD ปี 67 คือ 1.75%,งบ 9 เดือน/2566 คือ 3,216.46 ล้านบาท,งบ 6 เดือน/2567 คือ 3,062.61 ล้านบาท ลดลง153.85 ล้าน บาท หรือ-4.78 %
โบรกฯ มองมีปัจจัยบวกระยะสั้นจาก Bond Yield ที่ปรับตัวลง ขณะที่ 4Q67 คาดกำไรจะปรับตัวดีขึ้น QoQ และ YoY เนื่องจากคาดผลการดำเนินงานของ ADAAVA จะฟื้นตัวดีขึ้น รวมถึงการ COD เต็มรูปแบบของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมนอกชายฝั่งในไต้หวัน และการหยุดดำเนินการที่ลดน้อยลงของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี
10.BDMS บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคปล่าสุด 389,354.05 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้น ปี 67 คือ -11.71% สิ้นปี 66 ปิด 27.75 บาท ณ 13ธ.ค. 67 ปิด 24.50บาท ลดลง 3.25 บาท,ผลตอบแทนราคา 5 วัน -4.85% ,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 31.25 / 24.10 บาท,ค่า P/E 24.95 เท่า,อัตราเงินปันผล YTD ปี 67 คือ 2.86%,งบ 9 เดือน/2566 คือ10,423.50 ล้านบาท,งบ 6 เดือน/2567 คือ 11,654.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,230.91 ล้านบาท หรือ +11.81%
โบรกฯมองภาพรวมกลุ่มหุ้นเฮลท์แคร์ในปี 2568 ยังคงไปได้ดีอยู่ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกระแสการรักสุขภาพ ทำให้คนตระหนักให้ความสำคัญในการดูแลรักษาและตรวจสุขภาพกันมากขึ้น อีกปัจจัยที่เข้ามาเป็นส่วนเสริม คือ การเติบโตของการท่องเที่ยว เพราะในแต่ละปีอัตราการขยายตัวของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพร้อมกับความต้องการดูแลสุขภาพมีมากขึ้น ทำให้มองว่านี่จะเป็นอีกส่วนสำคัญที่เข้ามาช่วยสร้างการเติบโตให้กับกลุ่มเฮลธท์แคร์ได้
อย่างไรก็ตาม หุ้นเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และบางหลักทรัพย์มีอัตราเงินปันผลตอบแทนค่อนข้างสูง จึงยังเป็นหุ้นที่นักลงทุนยังให้การติดตามอย่างต่อเนื่อง นั้นเอง