DHOUSE เผยทิศทางธุรกิจโค้งสุดท้ายปี 2567 มุ่งเน้นรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และสถานีบริการน้ำมัน-ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ในโครงการมิกซ์ยูส ใกล้มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ด้านผลประกอบการ Turnaround พลิกทำกำไรสุทธิ 7.42 ล้านบาท พร้อมยอดขายรอโอนอสังหาฯ (Backlog) จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวม 25 ล้านบาท ชูจุดแข็งการเป็นผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ ระดับภูมิภาค ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมาย บริหารจัดการต้นทุนดีจากการถือครองที่ดินพร้อมพัฒนา พร้อมปัจจัยหนุนอสังหาฯ ภูมิภาคเติบโตจากเศรษฐกิจขยายตัว มั่นใจรายได้ปี 2567 เป็นไปตามเป้าหมาย
นายพงศ์พจน์ เลิศรุ้งพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ DHOUSE ผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดมหาสารคาม ประเภทที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์เพื่อขายหลากหลายรูปแบบ เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ และอาคารพาณิชย์ เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจช่วงโค้งสุดท้ายปี 2567 บริษัทมุ่งเน้นการรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากการให้บริการสถานีบริการน้ำมัน และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมให้บริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าจะมียอดใช้บริการมากขึ้นจากความต้องการเดินทางในช่วงเทศกาล
สำหรับสถานีบริการน้ำมัน “ปตท.ยูพาร์ค ขามเรียง” โดยการดำเนินงานของบริษัท ดี เอนเนอร์จี แอนด์ รีเทล จำกัด ตั้งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประกอบด้วยการให้บริการ 2 ส่วน ได้แก่ 1.สถานีบริการน้ำมัน ภายใต้แบรนด์ “ปตท.” ในรูปแบบ DODO (Dealer Owned Dealer Operated) และ 2.ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสถานีบริการน้ำมัน โดยแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ คือ ร้านค้าที่กลุ่มบริษัทลงทุนและบริหารจัดการเอง จำนวน 2 ร้าน และให้เช่าพื้นที่ และเก็บค่าบริหารจัดการพื้นที่
ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในงวด 9 เดือน ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 178.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 107.78 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 65.53% โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 71.41 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสถานีบริการน้ำมัน จำนวน 107 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทสามารถพลิกกลับมาทำกำไรสุทธิที่ 7.42 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 149.13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และมีเป้าหมายทั้งปี 2567 จะสามารถรักษาอัตราการทำกำไรไม่น้อยกว่าระดับ 8.50%
นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้ารับรู้รายได้จากยอดขายรอโอน (Backlog) โครงการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามที่บริษัทเป็นผู้ดำเนินการ จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวม 25 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้จากการดำเนินงาน แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสถานีบริการน้ำมัน จำนวน 58% และรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 39%
“บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดมหาสารคามและจังหวัดใกล้เคียง ด้วยจุดแข็งการเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความเข้าใจในไลฟ์สไตล์ของคนในพื้นที่ สามารถพัฒนาโครงการที่เรียบง่ายแต่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุด มีราคาเหมาะสม ให้ความสำคัญกับคุณภาพการก่อสร้าง ตลอดจนการให้บริการหลังการขายที่มีคุณภาพ อีกทั้งบริษัทมีความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี จากการถือครองที่ดินที่พร้อมพัฒนาโครงการในอนาคต นอกจากนี้ การขยายตัวของธุรกิจพลังงานยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้บริษัทมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
สำหรับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดมหาสารคามและจังหวัดใกล้เคียงยังคงมีแนวโน้มที่ดี โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการได้รับการสนับสนุนจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐ และการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การเพิ่มจำนวนประชากรในวัยทำงานที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของบริษัท รวมถึงมาตรการภาครัฐในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยมีเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีของบริษัท และจากแผนการดำเนินงานทั้งหมดทำให้บริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ในปีนี้ ให้ตามเป้าหมายที่วางไว้”