ราคาหุ้น EE พุ่ง 29.63% หรือเพิ่มขึ้น 0.08 บาท มาที่ 0.35 บาท มูลค่าซื้อขาย 1.35 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.04 น.จากราคาเปิด 0.36 บาท ราคาสูงสุด 0.36 บาท ราคาต่ำสุด 0.35 บาท
บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) เปิดเผยว่า นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ (หรือนอท สลากพลัส) ได้ทำการซื้อขายหุ้นของบริษัทผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยบนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) ประจำวันที่ 4 ธันวาคม 2567 จำนวน 1,607,000,000 หุ้น คิดเป็น 57.81% ของทุนชำระแล้วของบริษัท ซึ่งส่งผลให้นายพันธ์ธวัช กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท พร้อมแต่งตั้งนายพันธ์ธวัช ให้ดำรงตำแหน่งประธาน กรรมการ และกรรมการใหม่
พร้อมอนุมัติการเปลี่ยนชื่อของบริษัทจากเดิม "บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน)" เป็น "บริษัท เทคลีด เอ็นพีเอ็น จำกัด (มหาชน)"
นอกจากนี้ บริษัทได้ปรับเปลี่ยนธุรกิจจากที่บริษัทมีรายได้จากธุรกิจกัญชงและกัญชา แต่เนื่องจากธุรกิจนี้มีอัตราความเสี่ยงสูงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาครัฐ และยังมีวงจรเงินสดที่ช้า จึงมีแนวทางในการขยายการลงทุนในธุรกิจอื่นที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยสามารถสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอให้บริษัท และสร้างความแข็งแกร่งให้ฐานะการเงินของบริษัท อีกทั้งช่วยลดความเสี่ยงในการพึ่งพาธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง และเพิ่มโอกาสให้กับบริษัทในอนาคต ตลอดจนเป็นการเพิ่มศักยภาพและความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่อผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders) รวมถึงเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สถาบันการเงิน
โดยบริษัทอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ธุรกิจ Tech) ซึ่งรวมถึง (1) ธุรกิจสื่อ เทคโนโลยี (Technology Media) (2) ธุรกิจให้บริการชำระเงิน (Payment Gateway Solution) และ/หรือ (3) ธุรกิจแพลตฟอร์มตลาดซื้อขาย (Marketplace Platform)
เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจ Tech เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตจากการสร้างรายได้และความสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีต้นทุนในการดำเนินงานต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจอื่นที่ต้องลงทุนในสินทรัพย์ และเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับทิศทางเมกะเทรนด์ (Mega Trend) ซึ่งได้แก่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันผู้คนใช้ชีวิตและใช้เวลากับอุปกรณ์สื่อสารกันมากขึ้น ทำให้สื่อออนไลน์และแพลตฟอร์มดิจิทัลมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจประเทศไทยและเศรษฐกิจโลก
โดยแพลตฟอร์มดิจิทัลเป็นการเชื่อมโยงระหว่างผู้บริโภคและผู้ขายหรือภาคธุรกิจผ่านอินเทอร์เน็ต บริษัทจึงมีความสนใจในการเข้าลงทุนในธุรกิจดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างกระแสเงินสดให้บริษัทอย่างสม่ำเสมอ มีผลตอบแทนการลงทุน (IRR) ไม่น้อยกว่า 12% และมีศักยภาพการเติบโตในอนาคต (Potential Upside) จากธุรกิจที่สอดคล้องกับทิศทางเมกะเทรนด์
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 2,720,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 4,970,000,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 7,690,000,000 บาท โดยการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลใน วงจำกัด (Private Placement) จำนวน 2,720,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท หรือคิดเป็น 49.12% ของทุนชำระแล้วของบริษัทภายหลังการเพิ่มทุนชำระแล้ว ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.19 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 516,800,000 บาท เพื่อ เสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด 5 ราย
ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินทุนที่ได้รับจากการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามรายการ Private Placement ไปใช้เพื่อลงทุนในธุรกิจ Tech ประมาณ 467-517 ล้านบาท ภายในปี 2568 และใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทไม่เกิน 50 ล้านบาทภาย ในปี 2568