xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 34.09 ดอลลาร์ อ่อนค่าหลังตัวเลข ศก.แย่กว่าคาด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (6 ธ.ค.) ที่ระดับ 34.09 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นมากจากระดับปิดวันพุธที่ผ่านมาที่ระดับ 34.34 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.95-34.35 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ) โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันพุธที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ได้ทยอยแข็งค่าขึ้นในลักษณะ Sideways Down หลุดโซนแนวรับ 34.20 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถทยอยแข็งค่าขึ้นทดสอบโซน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ (กรอบการเคลื่อนไหว 34.07-34.28 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทได้แรงหนุนจากการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงคืนวันพุธ จนถึงคืนวันพฤหัสบดีส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด เช่น ยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP, ดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการรีบาวนด์ขึ้นของบรรดาสกุลเงินหลัก เช่น เงินยูโร (EUR) หลังความวุ่นวายของการเมืองฝรั่งเศสดูมีแนวโน้มคลี่คลายลงบ้าง (ทั้งนี้ สถานการณ์การเมืองฝรั่งเศสยังมีความไม่แน่นอนอยู่ จนกว่าจะมีการแต่งตั้งนายกฯ คนใหม่ หลัง Michel Barnier ได้ยื่นลาออกจากตำแหน่ง)

อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทถูกชะลอด้วยโฟลว์ธุรกรรมซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งทองคำและน้ำมันดิบ หลังราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบยังคงทยอยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง อีกทั้งผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างรอลุ้นรายงานข้อมูลยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ของสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์นี้ ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองสินทรัพย์ที่ชัดเจน

สำหรับวันนี้ ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) และอัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของเฟด

และในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือนของเวียดนาม เช่น ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ยอดการส่งออกและนำเข้า (Exports and Imports) รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนพฤศจิกายน

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways แถวโซน 34.10 บาทต่อดอลลาร์ ไปก่อนในช่วงระหว่างวัน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ที่จะทยอยรับรู้ในช่วง 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย

โดยเราประเมินว่า หากยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ออกมาต่ำกว่าคาด เช่น เพิ่มขึ้นน้อยกว่า +2 แสนตำแหน่งชัดเจน อีกทั้งอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.2% หรือเกือบ 4.3% อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดเพิ่มโอกาสที่เฟดจะเดินหน้าลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้บ้าง (จาก 70% อาจเกือบแตะ 80%) กดดันให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจย่อตัวลงบ้าง หนุนทั้งราคาทองคำและเงินบาท โดยเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นทะลุระดับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ได้

ในทางกลับกัน หากยอดการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดชัดเจน เช่น +2.5 แสนตำแหน่ง หรือมากกว่านั้น อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดลดโอกาสเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะหนุนให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสรีบาวนด์สูงขึ้น กดดันราคาทองคำและเงินบาท

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนของเงินบาทในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ เนื่องจากสถิติในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา สะท้อนว่า เงินบาท (USDTHB) สามารถแกว่งตัวเกือบ +0.6%/-0.4% ได้ในช่วง 30 นาที หลังรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น