xs
xsm
sm
md
lg

กับดักความโลภ การหลอกลวงที่จับต้องไม่ได้ : เมื่อบล็อกเชนกลายเป็นเครื่องมือล่าเหยื่อนักลงทุนไร้เดียงสา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เส้นบางๆ ระหว่างความหวังและการหลอกลวงในโลกที่ความฝันเรื่องการเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืนดูเหมือนจะอยู่ใกล้แค่ปลายนิ้ว โลกของคริปโตเคอร์เรนซีได้กลายเป็นสนามรบแห่งความทะเยอทะยานและการหาผลกำไรอันหอมหวาน แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเวทีของกลโกงที่มีการออกแบบซับซ้อนและแยบยล หนึ่งในกลวิธีที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังที่สุด คือการสร้าง "เหรียญมีม" ที่ผู้คนซื้อง่าย แต่ไม่สามารถขายออกได้ นี่คือการล่อเหยื่อครั้งใหญ่ที่พลิกความไร้เดียงสาของนักลงทุนรายย่อยให้กลายเป็นเครื่องมือสร้างความมั่งคั่งให้ผู้สร้างเหรียญ

บทละครแห่งการพันธนาการด้วยความโลภ : เหรียญที่ซื้อได้....แต่ขายไม่ได้

ในหัวใจของการหลอกลวงนี้คือ Smart Contract ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ทำงานอัตโนมัติบนบล็อกเชน โดยโค้ดของมันถูกเขียนขึ้นเพื่อ "ล็อก" การขายเหรียญไว้อย่างแนบเนียน และในขณะที่นักลงทุนกำลังมองเห็นตัวเลขในพอร์ตโฟลิโอของตนเพิ่มขึ้นทุกวัน มันกลับเป็นเพียง **มายาภาพทางตัวเลข** ที่ไม่มีทางแปรเปลี่ยนเป็นเงินจริงได้

ตัวอย่างเทคนิคที่ใช้ ได้แก่:

ฟังก์ชันล็อกธุรกรรมการขาย ด้วยการสร้างเงื่อนไขที่จำกัดการโอนเหรียญออกจากกระเป๋าของนักลงทุน

ลิสต์ผู้ซื้อขายที่ถูกจำกัด การกำหนดเฉพาะบัญชีบางบัญชี (ที่มักจะเป็นของผู้สร้างเหรียญ) ที่มีสิทธิ์ขาย

การจำกัดเวลาอย่างไม่สมเหตุสมผล ใช้การล็อกเวลายาวนานเพื่อทำให้นักลงทุนไม่สามารถถอนทุนได้ในช่วงเวลาที่ราคาพุ่งสูง

สิ่งเหล่านี้ทำให้นักลงทุนรู้ตัวว่าเหรียญที่ตนถืออยู่มีค่าเพียงในจอแสดงผล แต่ไร้ค่าในชีวิตจริง

เหรียญ Squid Game และบทเรียนของการหลงเชื่อ

เหรียญ Squid Game Token (SQUID) กลายเป็นตัวอย่างระดับโลกของการหลอกลวงแบบนี้ ด้วยการโปรโมตผ่านชื่อที่เกี่ยวข้องกับซีรีส์ชื่อดังของ Netflix ผู้สร้างเหรียญทำให้ผู้คนทั่วโลกหลงใหลและรีบเร่งลงทุน ผลที่ตามมาคือราคาของเหรียญพุ่งสูงถึงกว่า 33,000% ในเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่ทันทีที่นักลงทุนพยายามขายเหรียญ พวกเขาก็พบว่ามัน "ขายไม่ได้" และในไม่ช้า ผู้สร้างเหรียญได้หายตัวไปพร้อมกับเงินนับล้านดอลลาร์

เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าความไม่รู้เรื่องเทคโนโลยีของนักลงทุนจำนวนมากถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวง ผู้สร้างเหรียญใช้ทั้งกลยุทธ์ทางจิตวิทยาและเทคโนโลยีเพื่อควบคุมตลาด และทิ้งให้เหยื่อต้องเผชิญกับความสูญเสียอันใหญ่หลวง

วัฏจักรของความโลภและความเชื่อ 

สิ่งที่ทำให้กลโกงนี้สำเร็จได้ไม่ใช่เพียงแค่เทคโนโลยี แต่เป็น **ความโลภและความเชื่อของมนุษย์** ผู้ลงทุนหลายคนถูกล่อด้วยความฝันที่ว่าสามารถเปลี่ยนเงินหลักร้อยให้กลายเป็นหลักล้านในเวลาไม่นาน ด้วยเหตุนี้ การขาดการตรวจสอบข้อมูลพื้นฐานและการพึ่งพาอารมณ์จึงกลายเป็นจุดอ่อนที่ผู้โกงใช้เป็นเครื่องมือ

รู้เท่าทันกับดักความโลภ การป้องกัน : บทเรียนสำหรับอนาคต

1. ศึกษาความเสี่ยงจาก Smart Contract นักลงทุนควรเรียนรู้การตรวจสอบโค้ดหรือขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน

2. หลีกเลี่ยงเหรียญที่ไม่มีข้อมูลชัดเจน หากผู้สร้างเหรียญไม่เปิดเผยตัวตนหรือไม่ได้รับการตรวจสอบจากบุคคลที่สาม ควรตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน

3. ตรวจสอบชุมชนและการสนับสนุน นักลงทุนควรสังเกตว่ามีการโปรโมตเหรียญอย่างโปร่งใสหรือไม่ รวมถึงฟังความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในชุมชนคริปโต

4. อย่าใช้เงินที่ไม่สามารถเสียได้ นักลงทุนควรคำนึงเสมอว่าคริปโตเคอร์เรนซีเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง การลงทุนควรทำด้วยเงินที่สามารถรับความเสียหายได้

บทสรุปชีวิตการลงทุน ซึ่งบางครั้งอาจสายเกินไปที่จะเริ่มใหม่

กลโกงในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี เช่น การสร้างเหรียญมีมที่ขายไม่ได้ เป็นตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูงในทางที่ผิด การป้องกันและการศึกษาความรู้เรื่องบล็อกเชนอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้กับตลาดคริปโตในระยะยาว และไม่ว่าความฝันของการเป็นเศรษฐีในโลกคริปโตจะน่าสนใจแค่ไหน เราก็ไม่ควรละเลยความระมัดระวังและการตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบ