ปริมาณการซื้อขายคริปโตในเดือนพฤศจิกายน พุ่งทะลุ 2.71 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2564 ซึ่งตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าจาก 1.14 ล้านล้านดอลลาร์ ในเดือนตุลาคม
การซื้อขายคริปโตในตลาดหลักทำผลงานได้ดีในเดือนพฤศจิกายน
ตามข้อมูลจาก The Block ระบุว่าไบแนนซ์ ยังครองส่วนแบ่งการตลาดปริมาณการซื้อขายกว่า 986 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 36% ของปริมาณทั้งหมด ขณะที่ตลาดหลักอื่นๆ เช่น Crypto.com, Upbit และ Bybit ก็รายงานผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยแต่ละแห่งมีปริมาณการซื้อขายรายเดือนเกิน 200 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งปริมาณการซื้อขายยังขยายไปถึงตลาดฟิวเจอร์สเช่นกัน โดยฟิวเจอร์ส บิทคอยน์ มีปริมาณการซื้อขายรวม 2.59 ล้านล้านดอลลาร์ และฟิวเจอร์ส อีเธอเรียม แตะ 1.28 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งทั้งคู่ทำสถิติสูงสุดในรอบกว่าสองปี
การเพิ่มขึ้นนี้ได้รับแรงหนุนจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่สนับสนุนคริปโตหลังการประกาศชัยชนะของนาย โดนัล ทรัมป์ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน โดยการพัฒนาทางการเมืองนี้กระตุ้นให้เกิดการชุมนุมด้านราคา ทำให้บิทคอยน์ทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ 99,635 ดอลลาร์ และ โซลาน่าแตะระดับสูงสุดใหม่ในช่วงปลายเดือน ขณะที่ดัชนี GMCI 30 ซึ่งติดตามคริปโต 30 อันดับแรก เพิ่มขึ้น 62.3% ในเดือนพฤศจิกายน
ขณะที่ข่าวการลาออกของนายแกรี่ เจนสเลอร์ ประธาน SEC ซึ่งการจากไปของเขา ได้มีแรงกระเพื่อมจากหลายคนในอุตสาหกรรมคริปโต ในฐานะการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นไปสู่กฎระเบียบที่ผล่อนคลายมากขึ้น ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เพิ่มแรงผลักดัน
นอกจากนี้ เดือนพฤศจิกายนยังเป็นเดือนประวัติศาสตร์สำหรับกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน Bitcoin (ETFs) ในสหรัฐอเมริกา โดยนักลงทุนเทงบลงทุนกว่า 6.4 พันล้านดอลลาร์ เข้าสู่กองทุน BTC ETFs การเพิ่มขึ้นของกระแสเงินไหลเข้าตรงกับการชุมนุมที่ยาวนานหนึ่งเดือนซึ่งทำให้ราคาของบิทคอยน์พุ่งขึ้น 45% แตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 99,000 ดอลลาร์
JUST IN: Global #crypto spot trade volume hit $2.7T in November, the highest since May 2021. pic.twitter.com/lBc8OMOdGq— Breaking Whale (@BreakingWhale) December 2, 2024
กองทุนบิทคอยน์ ของ BlackRock ครองกระแสเงินไหลเข้าในเดือนพฤศจิกายน
ข้อมูลจาก Farside Investors เปิดเผยว่า iShares Bitcoin Trust ETF ของ BlackRock ครองกระแสเงินไหลเข้า คิดเป็น 5.6 พันล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 87% ของทั้งหมด ด้านผู้สนับสนุนรายใหญ่อื่นๆ ได้แก่ Fidelity’s Wise Origin Bitcoin Fund ซึ่งดึงดูดเงิน 962 ล้านดอลลาร์, Grayscale’s Bitcoin Mini Trust ETF ที่ 211.5 ล้านดอลลาร์ และ VanEck Bitcoin ETF ที่ 71.2 ล้านดอลลาร์
ขณะที่แรงผลักดันที่เป็นขาขึ้นได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นของตลาดที่แข็งแกร่ง โดยราคาของบิทคอยน์ ไต่ขึ้นจาก 68,000 ดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ไปสู่จุดสูงสุดที่ทำลายสถิติที่ระดับใกล้ 100000 ดอลล่าร์สหรัฐ ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่ากระแสเงินไหลเข้าที่สม่ำเสมอจากทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย จะสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตที่กำลังเติบโตอยู่ในขณะที่บิทคอยน์เข้าสู่ช่วงการปรับตัวเพื่อสร้างราคาสูงสุดใหม่
แม้จะมีกระแสเงินไหลเข้า แต่ ETF บางตัวก็มีการไหลออกอย่างมีนัยสำคัญ รวมเป็นเงิน 411 ล้านดอลลาร์ Grayscale Bitcoin Trust ETF เป็นกองทุนที่มีเงินไหลออกมากที่สุด โดยมีเม็ดเงินไหลออก 364 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย Bitwise Bitcoin ETF ที่ 40.4 ล้านดอลลาร์ และ Valkyrie Bitcoin Fund ที่ 6.8 ล้านดอลลาร์
ด้านดัชนี Crypto Fear & Greed ซึ่งวัดความเชื่อมั่นของนักลงทุน แตะระดับสูงสุดในรอบปีที่ระดับ 92 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งในหมู่ผู้เข้าร่วมตลาด แม้ว่าดัชนีจะลดลงเล็กน้อยในเดือนธันวาคม แต่ความเชื่อมั่นยังคงเป็นบวกอย่างมาก
ตามรายงาน Grayscale Investments ได้เห็นการถือครองคริปโตของบริษัทพุ่งสูงขึ้นในเดือนพฤศจิกายน โดยได้รับแรงหนุนจาก altcoins ที่พุ่งสูงขึ้น เช่น Stellar (XLM) และ XRP ข้อมูลจาก Cryptorank เผยให้เห็นว่ามูลค่าตลาดของพอร์ตโฟลิโอคริปโตของ Grayscale เพิ่มขึ้น 85% ในเดือนที่ผ่านมา