นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (27 พ.ย.) ที่ระดับ 34.72 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 34.67 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.55-34.85 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ) โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (กรอบการเคลื่อนไหว 34.59-34.77 บาทต่อดอลลาร์) โดยทิศทางการเคลื่อนไหวของเงินบาทนั้นเป็นไปตามทิศทางของเงินดอลลาร์ที่มีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ยังคงสะท้อนภาพกิจกรรมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะในส่วนของภาคการบริการที่ขยายตัวได้ดีขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ถูกชะลอลงบ้างตามแรงขายทำกำไรสถานะ Long USD รวมถึงการรีบาวนด์แข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่แข็งค่าหลุดโซน 153 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งอาจได้รับอานิสงส์จากความต้องการถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงตลาดกังวลแนวโน้มสงครามการค้า หลังว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขู่จะขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจากจีน เม็กซิโก และแคนาดา นอกจากนี้ สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังมีความไม่แน่นอนอยู่
อย่างไรก็ดี เงินบาทเผชิญแรงกดดันบ้าง จากโฟลว์ธุรกรรมสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งทองคำและน้ำมันดิบ หลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดังกล่าว เผชิญแรงกดดันจากข่าวอิสราเอลบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่ม Hezbollah ซึ่งอาจนำไปสู่การเจรจาหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่ม Hamas และลดความขัดแย้งในตะวันออกกลางลงได้
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดผ่านรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE เดือนตุลาคม รวมถึงรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims)
ส่วนในฝั่งเอเชีย นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่า ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) อาจลดดอกเบี้ยนโยบาย 50bps สู่ระดับ 4.25% ตามแนวโน้มการชะลอตัวลงต่อเนื่องของอัตราเงินเฟ้อที่เข้าสู่กรอบเป้าหมาย 1-3% ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจนิวซีแลนด์มีแนวโน้มชะลอตัวลงมากขึ้น
นอกจากนี้ เรามองว่าผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน หลังสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางอาจดูสงบลงได้บ้างในช่วงนี้ หลังอิสราเอลบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่ม Hezbollah
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่าเงินบาทอาจยังมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ Sideways ไปก่อน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเงินบาทอาจยังติดอยู่แถวโซนแนวต้าน 34.70-34.80 บาทต่อดอลลาร์ ตามแรงขายทำกำไรสถานะ Short THB รวมถึงแรงขายเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาดบางส่วน อย่างไรก็ดี ต้องระวังความผันผวนจากราคาทองคำ ราคาน้ำมันดิบ ซึ่งหากปรับตัวลดลงต่อเนื่องอาจกดดันเงินบาทเพิ่มเติมผ่านโฟลว์ธุรกรรมซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ดังกล่าวในช่วงราคาปรับฐานได้ นอกจากนี้ ในระยะสั้นเงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันจากความกังวลมาตรการกีดกันทางการค้าในรัฐบาล Trump 2.0 ซึ่งอาจพุ่งเป้ามายังจีน กดดันให้เงินหยวนจีน (CNY) ยังมีจังหวะโอกาสอ่อนค่าลงได้บ้าง
ทั้งนี้ แม้ว่าเงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นบ้างในจังหวะที่เงินดอลลาร์ย่อตัวตามแรงขายทำกำไรสถานะ Long USD หรือผู้เล่นในตลาดอาจปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด เช่น เริ่มทยอยเพิ่มโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ เรามองว่าการแข็งค่าของเงินบาทอาจติดแถวโซนแนวรับ 34.50-34.60 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงปลายเดือน ทำให้บรรดาผู้นำเข้าอาจทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ได้
อย่างไรก็ตาม ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้งอัตราเงินเฟ้อ PCE และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของเฟด