xs
xsm
sm
md
lg

10 หุ้นดัง "งบ 9 เดือน ปี 67" น่าผิดหวัง กำไรสุทธิลดฮวบหนักสุดเกือบ 90%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนของปี 2567 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ทยอยประกาศกันไปแล้ว ซึ่งถ้าโฟกัสที่ดัชนี SET100 จะพบว่า มีหลายหลักทรัพย์ที่เป็นหุ้นพิมพ์นิยม มีงบ 9 เดือนของปี 2567 ที่ไม่สดใสมากนัก เพราะมีการเปลี่ยนแปลงอัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิลดลงอย่างมีนัยยสำคัญ โดยเลือกมา 10 อันดับที่กำไรสุทธิลดฮวบมากที่สุด ในระดับมากกว่า 40-88%

1.JAS บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิงบ 9 เดือน ปี 2567 คือ -88.05% ,9 เดือน ปี 67 กำไรสุทธิ 303.84 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,543.50 ล้านบาท ลดลง2,239.66 ล้านบาท,EBITDA งบ 9 เดือนปี 67 คือ 877.39 ล้านบาท,EBITDA งบ 9 เดือน ปี 2566 คือ 13,212.79ล้านบาท,ราคาสิ้นปี 66 อยู่ที่ 2.10 บาท และ ณ 21 พ.ย.67 ปิด 2.32 บาท เพิ่มขึ้น 0.22 บาท หรือ +10.48%,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 3.62 / 1.46 บาท,ค่าP/E 1.07 เท่า,อัตราเงินปันผล YTD คือ 27.27%

JAS กำลังถูกจับตาว่าการลงทุนซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอด บอลพรีเมียร์ลีก ด้วยมูลค่ากว่า 1.9 หมื่นล้านบาท คุ้มหรือไหม บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้ปรับราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 อิงด้วยวิธี SOTP เป็น 2.52 บาท แสดงให้เห็นว่าข้อตกลง EPL จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับ JAS และเชื่อว่าข้อตกลงความร่วมมือที่กำลังจะมีขึ้นกับพันธมิตรด้านโทรคมนาคม พันธมิตรด้านสปอนเซอร์ และพันธมิตรด้านสื่อ จะทำให้ตลาดมั่นใจมากขึ้นในความสำเร็จของดีลนี้

2.BCP บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิงบ 9 เดือน ปี 2567 คือ -84.75% ,9 เดือน ปี 67 กำไรสุทธิ 2,167.51 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 14,210.09 ล้านบาท ลดลง 12,042.58ล้านบาท,EBITDA งบ 9 เดือน/67คือ 40,105.52ล้านบาท,EBITDA งบ 9 เดือน ปี 2566 คือ35,803.81 ล้านบาท,ราคาสิ้นปี 66 อยู่ที่ 43.50 บาท และ ณ 21 พ.ย.67 ปิด 32.50 บาท ลดลง 11.00 บาท หรือ -25.29%,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 47.50 / 28.50 บาท,ค่า P/E 37.87 เท่า,อัตราเงินปันผล YTD คือ 6.11%

ผู้บริหารมองว่าผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 67 สร้างสถิติใหม่ของรายได้จากการขายและการให้บริการ รวม 447,631 ล้านบาท เติบโตกว่า 84%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมียอดจำหน่ายน้ำมันเติบโตก้าวกระโดดกว่า 10,000 ล้านลิตร และกลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติที่สร้างสถิติรายได้สูงสุดจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น มี EBITDA 33,499 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

3.BANPU บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิงบ 9 เดือนปี 2567 คือ -74.96% ,9 เดือน ปี 67 กำไรสุทธิ 1,658.92 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6,626.29 ล้านบาท ลดลง 4,967.37 ล้านบาท,EBITDA งบ 9 เดือนปี 67 คือ 33,394.54 ล้านบาท,EBITDA งบ 9 เดือน ปี 2566 คือ 44,602.57 ล้านบาท, ราคาสิ้นปี 66 อยู่ที่ 6.80บาท และ ณ 21 พ.ย.67 ปิด 5.75 บาท ลดลง 1.05 บาท หรือ -15.44%,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 8.05 / 4.38 บาท,ค่า P/E 120 เท่า,อัตราเงินปันผล YTD คือ 7.34%

BANPU, เป็นหุ้นที่ถูกเก็ง มีลุ้นเข้า SET50 รอบแรกปี 2568 และโบรกมอง ราคาขายเฉลี่ย หรือ ASP ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติในไตรมาส 4/67 น่าจะสูงขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/67 จากแรงหนุนความต้องการใช้พลังงานความร้อนที่สูงขึ้นในฤดูหนาวของประเทศตะวันตก และ BANPU จะสามารถกลับมารายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 4/67

4.SCC บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิงบ 9 เดือน ปี 2567 คือ -74.66% ,9 เดือนปี 67 กำไรสุทธิ 6,854.08 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 27,049.34 ล้านบาท ลดลง 20,195.26 ล้านบาท,EBITDAงบ 9 เดือน ปี 67 คือ 39,969.12 ล้านบาท,EBITDA งบ 9 เดือน ปี 2566 คือ 61,516.35 ล้านบาท,ราคาสิ้นปี 66 อยู่ที่ 306.00บาท และ ณ 21 พ.ย.67 ปิด 195.50 บาท ลดลง 110.50 บาท หรือ -36.11%,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 307.00 / 186.50 บาท,ค่า P/E 40.28 เท่า,อัตราเงินปันผล YTD คือ 3.13%

โบรกฯมองภาพรวม Q4/67 เชื่อว่าโครงการ LSP Petrochemical Complex (LSP) จะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ตามแผนล่าสุดของบริษัท อย่างไรก็ดี ในช่วงแรกฝ่ายวิจัยคาดว่า SCC จะพยายามควบคุมอัตราการใช้กำลังการผลิต (utilization rate) ของ LSP และจะทำการผลิตเท่าที่จำเป็นเท่านั้นเนื่องจาก olefins spread ที่ต่ำกว่าปกติ โดยฝ่ายวิจัยมองด้วยว่ากำไรของบริษัทจะฟื้นตัวได้ชัดเจนมากขึ้นในปี 2568

5.EA บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิงบ 9 เดือน ปี 2567 คือ -71.25% ,9 เดือน ปี 67 กำไรสุทธิ 1,852.07 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6,442.97 ล้านบาท ลดลง 4,590.90 ล้านบาท,EBITDAงบ 9 เดือน/67คือ6,183.42 ล้านบาท,EBITDA งบ 9 เดือน ปี 2566 คือ 11,225.72 ล้านบาท,ราคาสิ้นปี 66 อยู่ที่ 44.25 บาท และ ณ 21 พ.ย.67 ปิด 5.80 บาท ลดลง 38.45 บาท หรือ -86.89%,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 48.25/3.10 บาท,ค่า P/E 7.70 เท่า,อัตราเงินปันผล YTD คือ 4.80%

EA หุ้นดังแห่งปี เมื่อ 17 ธันวาคม 2564 ราคาหุ้นทำสถิติสูงสุดที่ 105.5 บาท เพิ่มขึ้น 18 เท่า จากราคา IPO 5.5 บาท เมื่อปี 2556 จนทำให้มีมาร์เกตแคปมูลค่า 3.9 แสนล้านบาท แต่ตอนนี้ พ.ย. 2567 ราคาอยู่แถวๆ 5-7 บาท มีมาร์เกตแคปเหลือเพียง 2 หมื่นกว่าล้านบาทเท่านั้น

6.TASCO บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิงบ 9 เดือน ปี 2567 คือ-59.43% ,9 เดือน ปี 67 กำไรสุทธิ 841.43 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,073.89 ล้านบาท ลดลง 1,232.46 ล้านบาท,EBITDA งบ 9 เดือน/67คือ 2,078.04 ล้านบาท,EBITDAงบ 9 เดือน/2566คือ 3,583.62ล้านบาท, ราคาสิ้นปี 66 อยู่ที่ 16.40 บาท และ ณ 21 พ.ย.67 ปิด 18.70 บาท เพิ่มขึ้น 2.30 บาท หรือ +14.02%,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ18.90 / 15.40 บาท,ค่า P/E 27.36 เท่า,อัตราเงินปันผล YTD คือ 6.72%

TASCO กำไรไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 735 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 264% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่เกิดจากยอดขายในประเทศปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โบรกฯมองกำไรไตรมาส 3/67 ออกมาดีกว่าคาดมาก และมองแนวโน้มไตรมาส 4/67 ยังดีต่อเนื่อง พร้อมปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ และเพิ่มราคาเป้าหมายมาที่ 21.00 บาท

7.OR บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิงบ 9 เดือน ปี 2567 คือ -57.34% ,9 เดือน ปี 67 กำไรสุทธิ 4,650.94 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 10,901.13 ล้านบาท ลดลง 6,250.19 ล้านบาท,EBITDA งบ 9 เดือน ปี 67 คือ 12,495.15 ล้านบาท,EBITDA งบ 9 เดือน/2566 คือ 19,688.92 ล้านบาท, ราคาสิ้นปี 66 อยู่ที่ 19.10บาท และ ณ 21 พ.ย.67 ปิด 14.80 บาท ลดลง 4.30 บาท หรือ -22.51%,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 20.50 / 13.70 บาท,ค่า P/E 36.42 เท่า,อัตราเงินปันผล YTD คือ 3.54%

โบรกฯปรับลดประมาณการกำไรปี 2567-2568 ของ OR ลงเหลือกำไร 7.3 พันล้านบาท และกำไร 1.3 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ โดยในปี 2567 รวมผลของ Extra Item และ ขาดทุนสต๊อกที่เกิดขึ้น และแนวโน้มไตรมาส 4/67 คาดว่าน่าจะกลับมามีกำไร

8.TOP บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิงบ 9 เดือน ปี 2567 คือ-56.41% ,9 เดือนปี 67 กำไรสุทธิ 7,191.87 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 16,498.83 ล้านบาท ลดลง 9,306.96 ล้านบาท,EBITDA งบ 9 เดือน ปี 67คือ 17,940.11 ล้านบาท,EBITDA งบ 9 เดือน ปี 2566 คือ29,407.05 ล้านบาท, ราคาสิ้นปี 66 อยู่ที่ 53.75 บาท และ ณ 21 พ.ย.67 ปิด 40.25 บาท ลดลง 13.50 บาท หรือ -25.12%,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 60.75/38.50 บาท,ค่า P/E 8.87 เท่า,อัตราเงินปันผลYTD คือ 8.45%

โบรกฯแนะให้รอ TOP แก้ปัญหาชัดเจนก่อนค่อยกลับมาลงทุน คงมุมมองมีตัวเลือกเก็งกำไรการฟื้นในไตรมาส 4/67 จนถึงไตรมาส 2/68

9.BGRIM บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิงบ 9 เดือน ปี 2567คือ-45.83% ,9 เดือน ปี 67 กำไรสุทธิ 769.92 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,421.39 ล้านบาท ลดลง 651.47ล้านบาท,EBITDA งบ 9 เดือน ปี 67 คือ 10,200.12 ล้านบาท,EBITDA งบ 9 เดือน ปี 2566 คือ 11,379.78 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 66 อยู่ที่ 27.25 บาท และ ณ 21 พ.ย.67 ปิด 20.70 บาท ลดลง 6.55 บาท หรือ -24.04%,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ30.00 / 19.50 บาท,ค่า P/E 43.76 เท่า,อัตราเงินปันผล YTD คือ 1.74%

BGRIM ออกและเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนมูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 14-15 และ 18-19 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ประกาศความพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผน เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

10.OSP บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิงบ 9 เดือน ปี 2567 คือ -45.60% ,9 เดือน ปี 67 กำไรสุทธิ 1,071.32 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,969.41 ล้านบาท ลดลง 898.09 ล้านบาท,EBITDA งบ 9 เดือน ปี 67 คือ 2,648.64 ล้านบาท,EBITDA งบ 9 เดือน ปี 2566 คือ3,491.38 ล้านบาท, ราคาสิ้นปี 66 อยู่ที่ 22.00บาท และ ณ 21 พ.ย.67 ปิด 20.90 บาท ลดลง 1.10 บาท หรือ -5.00%,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ25.00 / 18.30 บาท,ค่าP/E 41.34 เท่า,อัตราเงินปันผล YTD คือ 7.97%

แนวโน้มไตรมาส 4/67 ผู้บริหารคาดการณ์รายได้ฟื้นตัวจากไฮซีซั่น และออกสินค้าใหม่ทั้งเครื่องดื่มและ personal care, รายได้ domestic beverage โตจากปีก่อนและจากไตรมาสก่อน, มี gain จากการขายโรงแก้วในพม่าที่ 130 ล้านบาท, ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารใกล้เคียงกับงวด 9 เดือนปี 67

อย่างไรก็ตาม ใน 10 หลักทรัพย์ เหล่านี้ มีมากถึง 6 หลักทรัพย์ ที่อยู่ใน หมวดอุตสาหกรรม พลังงานและสาธารณูปโภค นั้นแสดงว่าถ้าจะลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ต้องมีการพิจารณาให้ละเอียดและรอบคอบเป็นพิเศษ


กำลังโหลดความคิดเห็น