ผู้ถือหุ้น "ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น" ไฟเขียวถือหุ้น "พีเอส เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์" เพิ่มอีก 20% จากเดิมที่ถืออยู่สัดส่วน 40% ส่งผลให้ถือหุ้นใหญ่ 60% เชื่อส่งผลดีต่อการเติบโตของบริษัททั้งรายได้และกำไร อีกทั้งช่วยเพิ่ม Margin ของทั้งกลุ่มบริษัท ให้อยู่ในระดับ 15% ถึง 25% คาดเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการบริหารจัดการขยะและพลังงานทดแทนให้มีศักยภาพสูง
บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC ก้าวสู่บทใหม่ของความสำเร็จ หลังที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้ TRC เข้าลงทุนในบริษัท พีเอส เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด หรือ PSEC โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อปิดดีลอย่างสมบูรณ์ การลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ TRC ในการต่อยอดธุรกิจ พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่นักลงทุน
สำหรับ PSEC ดำเนินธุรกิจจัดการขยะ เป็นผู้นำด้านการจัดการขยะเพื่อความยั่งยืนด้วยการนำขยะมาผ่านกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยได้รับสัมปทานการจัดการขยะปริมาณ 950 ตัน/วัน พร้อมสร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง เช่น เชื้อเพลิง RDF น้ำมันไพโรไลซิส เม็ดพลาสติก PCR ปุ๋ยอินทรีย์ และถุงขยะ นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีที่ช่วยลดการฝังกลบขยะ และส่งเสริมการรีไซเคิลในทุกมิติ
ปัจจุบัน PSEC มีโครงการจัดการขยะขนาดใหญ่ 3 โครงการ คือ โครงการจังหวัดกาญจนบุรี โครงการจังหวัดอยุธยา ที่เตรียม COD (Commercial Operation Date) ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 และโครงการจังหวัดพัทลุง ซึ่งได้รับสัมปทานเพิ่มเติมและเตรียม COD ในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 นอกจากนี้ ธุรกิจของ PSEC ยังครอบคลุมงานหลากหลาย เช่น การคัดแยกขยะ การบำบัดน้ำเสีย และการหมักขยะเศษอาหาร เพื่อนำไปใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด
ทั้งนี้ ปัจจุบัน TRC ถือหุ้นในบริษัท PSEC อยู่ในสัดส่วน 40% เมื่อการเข้าทำรายการเสร็จสิ้น TRC จะถือหุ้นใน PSEC เพิ่มขึ้นอีก 20% ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตของส่วนแบ่งรายได้และผลกำไรสุทธิที่ทางบริษัท TRC จะได้รับ โดยคาดการณ์ว่าการลงทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่ม Margin ของทั้งกลุ่มบริษัท ให้อยู่ในระดับ 15% ถึง 25% สะท้อนถึงความคุ้มค่าที่เหนือความคาดหมาย
นอกจากประโยชน์ทางการเงินแล้ว ด้วยความเชี่ยวชาญด้าน Engineering ของ TRC ที่พร้อมร่วมกันผนึกกำลัง PSEC จะเสริมสร้างให้เกิดความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ในการบริหารจัดการขยะและการสร้างพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในอนาคต การลงทุนครั้งนี้จะช่วยสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ พร้อมทั้งส่งเสริมความยั่งยืนในระยะยาว