หุ้น บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิกส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ที่ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ความร้อนแรงปรับตัวเพิ่มขึ้นและทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (ATH) มาปิดที่ 173.50 บาทเมื่อวานนี้ (20 พ.ย.) ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องออกมาตราการหยุดความร้อนแรงของหุ้นตัวนี้ ด้วยการบังคับให้ซื้อขายด้วยบัญชีเงินสด (แคช บาลานซ์)
คำถามของนักลงทุน (บางกลุ่ม) คือ การที่ทางการเข้ามาแทรกแซงแบบนี้ถูกต้องแล้วหรือ? และเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดหรือไม่!?
เนื่องจากการเอาหุ้น DELTA เข้าแคช บาลานซ์ ถือเป็นการดูดสภาพคล่องออกจากกระดาน ซึ่งมีความเสี่ยงที่อาจจจะทำให้หุ้นง่ายต่อการควบคุมราคาหรือไม่!?
แต่ที่เห็นชัดคือ ปริมาณ bid-offer ลดลงจากช่วงปกติ กลายเป็นหุ้นที่สภาพคล่องในกระดานต่ำลง และสามารถเคลื่อนไหวในกรอบที่กว้างมากกว่าเดิม
และเสี่ยงหลุด SET50 รอบ H2/68 เพราะการเข้าแคช บาลานซ์ ของหุ้น DELTA รอบนี้มีความเสี่ยงที่จะหลุด SET50 Index ในรอบครึ่งปีหลังของปี 68 สูงมาก เนื่องจากหนึ่งในเกณฑ์การคัดเลือกหุ้นเข้า SET50 จะต้องเป็นหุ้นที่ไม่เคยติดแคช บาลานซ์มากกว่า 2 เดือน
กล่าวคือ DELTA ติดแคช บาลานซ์ รอบนี้กินระยะเวลา 1 เดือน แต่ถ้าติดอีกรอบจะกินเวลาอีก 1 เดือน (ระหว่างเดือน ม.ค. ถึง พ.ค. ปีหน้า) จะหลุดคุณสมบัติการอยู่ใน SET50 ทันที
การหลุด SET50 ของ DELTA อาจจะส่งผลให้มีเงินไหลออกจาก DELTA มากถึง 17,000 ล้านบาท (คำนวณจาก Market Cap ณ ปัจจุบัน) กองทุนที่ลงทุนใน SET50 และกองทุนประหยัดภาษีหลายๆ กอง อาจเกิดความเสียหายหลายพันล้านบาท หากต้องแย่งกันขายหุ้น DELTA เพื่อออกตาม SET50
สิ่งเหล่านี้ คือ การคาดการณ์ล่วงหน้าว่าอาจจะเกิดขึ้น หรืออาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้
หากมาดูสภาพตลาดหุ้น วันนี้แม้ SET Index จะติดลบกว่า -20 จุด แต่เมื่อดูหุ้นในกลุ่ม SET50 จะมีหุ้นที่บวกอยู่ประมาณ 35 บริษัท หรือคิดเป็น 75% ของจำนวนหุ้นที่บวก และมีอยู่ 7 บริษัทที่ติดลบ ส่วนที่เหลือเสมอตัว
นี่คือ ปรากฏการณ์ภายหลังจากที่หุ้น DELTA ติดแคช บาลานซ์ มันกลายเป็นการสร้างสมดุลให้เกิดกับหุ้นตัวอื่นๆ หลายตัวที่ไม่เคยบวก ให้กลับมาบวกอีกครั้ง และเป็นการกระจายเม็ดเงินลงทุน ไม่ให้เกิดการกระจุกตัวในหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง จนทำให้เกิดการบิดเบือนในตัว SET Index
นอกจากนี้ ปริมาณหุ้นที่ติดลบวันนี้มีไม่เกิน 270 บริษัท ส่วนหุ้นบวกมีไม่ต่ำกว่า 200 บริษัท และที่เหลืออีกเกือบ 200 บริษัทเสมอตัว ซึ่งถือว่าเป็นปรากฏที่ดี แม้ SET Index จะติดลบ -1.5% หรือ -20 จุดก็ตามที
การออกมาทำหน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ รอบนี้ "อาจจะไม่ถูกใจ" นักลงทุนบางกลุ่มที่ถือหุ้น DELTA โดยเฉพาะ "กลุ่มกองทุนในประเทศ"
ตามหลักแล้ว ทางการไม่ได้มีหน้าที่ที่จะต้องออกมาแก้ปัญหาไขปัญหาของหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง เนื่องจากจะมีกลไก การประเมิน ความถูก หรือแพงของราคาหุ้น ที่แสดงอยู่บนหน้าจอเทรดหุ้นแต่ละบริษัทเป็นตัวบ่งบอก ผู้ลงทุนสามารถจะใช้พิจารณาก่อนจะตัดสินใจลงทุนเอง ทั้งในส่วนของระดับค่า P/E P/BV EPS YIELD 52W High 52W Low ที่แสดงออกมาเหล่านี้
แต่การที่ต้องจับหุ้นบริษัทหนึ่งติดเกณฑ์แคช บาลานซ์ คงจะมีเพียงเหตุผลหลักๆ คือ หากหุ้นบริษัทนั้นติดเกณฑ์ หรือปริมาณการซื้อขายละเมิดกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ทางการต้องมีการบังคับใช้กฎ ซึ่งเป็นการดำเนินการปฏิบัติตามขั้นตอนมาตรฐานทั่วไปกับหุ้นทุกบริษัทในตลาดหุ้น
ถ้าไม่ถึงข้อกำหนดแล้วทางการไปเบรก หรือเข้าไปแทรกแซง แบบนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิด เพราะทางการจะมีหน้าที่เบรกตามกฎเกณฑ์เท่านั้น และไม่ใช่ยาหอมที่จะต้องออกมาแก้ปัญหาหุ้นขึ้นแรง หรือลงแรงอย่างที่เคยเข้าใจกัน