นางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประกาศเป้าหมายขึ้นเป็นโบรกเกอร์อันดับ 1 ในกลุ่มลูกค้าในตลาดเอเชีย จากปัจจุบันอยู่ TOP3 และวางแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 3-4 ปีจากนี้
แผนงานในปี 68 บล.หยวนต้า จะมุ่งเน้นขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบมัลติโปรดักต์ เช่น ตัวแทนขายหุ้นกู้ DR การบริหารพอร์ต เป็นต้น เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้เติบโตเป็น 60% จากปัจจุบันอยู่ที่ 40% ภายใน 3 ปีจากนี้ เนื่องจากรายได้จากโบรกเกอร์ไม่ยั่งยืน
ล่าสุด บริษัทจัดงานสัมมนา "YUANTA THAILAND'S INVESTMENT INSIGHTS 2025" ภายใต้หัวข้อ "SPOTTING K-SHAPED RECOVERY" เพื่อเชื่อมโยงกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่มีชื่อเสียง และบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ของเวียดนาม เพื่อรุกขยายลูกค้าในกลุ่มนักลงทุนสถาบันมากขึ้น โดยวางเป้าหมายสัดส่วนรายได้นักลงทุนสถาบันเพิ่มเป็น 10-15% จากปัจจุบันมีไม่ถึง 5%
การสัมมนาครั้งนี้จะทำให้นักลงทุนสถาบันได้รับข้อมูลเชิงลึกของแต่ละบริษัท ตลอดจนสามารถพัฒนาและเพิ่มพูนความรู้ด้านการเงินการลงทุน รวมถึงฉายภาพทิศทางเศรษฐกิจไทย ยุทธศาสตร์การลงทุน ตลอดจนวิเคราะห์ตลาดของไทยและเวียดนาม เพื่อเป็นข้อมูลสำคัญให้แก่ลูกค้าของหยวนต้า โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มสถาบัน โดยจัด Corporate Meeting ระหว่างวันที่ 21-22 พ.ย.67 โดยมีผู้บริหารระดับสูงจาก 33 บริษัทที่ตอบรับเข้าร่วมงาน ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมกันกว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 30% ของมูลค่าตลาดในประเทศ และมีผู้บริหารของบริษัทชั้นนำในเวียดนาม 5 บริษัทที่มาร่วมให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเศรษฐกิจเวียดนาม และเจาะลึกโอกาสการลงทุนในตลาดเวียดนามด้วย
นายจารุชาติ บูชาชาติ นักกลยุทธ์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า บล.หยวนต้า ให้เป้าดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ในปี 68 ไว้ที่ 1,600 จุด บนคาดการณ์ EPS ที่ 97 บาท/หุ้น หรือเติบโต 12% จากปีนี้ จากปี 67 คาดดัชนีจะอยู่ที่ 1,450 จุด บนคาดการณ์ EPS ที่ 92 บาท/หุ้น เติบโต 20% จากฐานต่ำในปีก่อน
ปัจจัยบวกต่อ SET Index ในปีหน้า ได้แก่ Valuation ตลาดต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงทั่วโลกช่วยหนุนเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย ขณะที่เสถียรภาพทางการเมืองและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากงบประมาณรัฐบาล การลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะ Data Center คาดจะช่วยผลักดัน GDP โต 3.2% จาก 2.8% ในปีนี้ อีกทั้งเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในกลุ่มเทคโนโลยีและนิคมอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาความเสี่ยงจากนโยบาย America First ของทรัมป์ที่อาจชะลอการลดดอกเบี้ยและทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็ง รวมถึงความตึงเครียดทางการค้า (Trade War)
ด้านกลยุทธ์การลงทุนในปี 68 แนะนำ 1.กลุ่ม Yield Play (Finance เช่น SAWAD, Utilities) 2.กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Trade War (Industrial Estate: AMATA, WHA, ICT, Utilities) และ 3.กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจและนโยบายภาครัฐ เช่น CPALL, CPAXT เป็นต้น
Mr.Matthew Smith Vietnam Head of Research ให้มุมมองต่อเศรษฐกิจเวียดนามว่า มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาวจาก 1.โครงสร้างประชากรวัยทำงานที่ยังเติบโตจนถึงปี 78 2.การขยายตัวของชนชั้นกลางที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 3.การเติบโตของตัวเลข FDI จากการฐานการผลิตเข้ามาในประเทศ สำหรับปี 68 เศรษฐกิจยังคงเติบโตจากการอัปเกรดดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม (VNI) เข้าสู่ตลาด FTSE และการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ใน H2/68 เราคาดเป้าดัชนี VNI ปี 68 จะอยู่ที่ 1,539 จุด เพิ่มขึ้น 24% YoY
อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยไม่แน่นอนทั้งในและต่างประเทศ เช่น อัตราดอกเบี้ย ความขัดแย้งทางการเมือง และความล่าช้าในการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์จากปัจจัยทางการเมืองในประเทศ กลยุทธ์การลงทุน แนะนำกลุ่ม 1.Finance (VCB, ACB, HDB) 2.Utilities (MWG, PNJ) 3.Technology (FPT)