xs
xsm
sm
md
lg

AMATA เติบโตแรงส่งท้ายปี ต่างชาติย้ายฐานซบหนุนกำไร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“อมตะ” มาแรงไตรมาสสุดท้าย หลังไตรมาส Q3 ปีนี้รายได้กำไรดีเกินคาด โบรกฯ เชื่อเป้าหมายใหม่ยอดขายที่ดินเพิ่มอีก 500 ไร่ ไม่ใช่เรื่องฝัน เหตุหลายปัจจัยหนุนธุรกิจ โดยเฉพาะการย้ายฐานการผลิตหนีมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ และการลงทุน Data Center ที่หลั่งไหลเข้าไทย หนุนราคาหุ้นพุ่งใกล้เป้าหมาย

ถูกยกให้เป็นหนึ่งหุ้นที่น่าสนใจเข้าลงทุนในช่วงเวลานี้ สำหรับ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) (AMATA) เมื่อราคาหุ้นขยับตัวได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อเร็วๆ นี้ราคาหุ้นสามารถขยับขึ้นไปถึง 30.00 บาท/หุ้น (8 พ.ย.) ซึ่งผู้ที่เข้าสะสมหุ้น AMATA เมื่อช่วงวันที่ 22 ส.ค.67 เพราะน่าจะเป็นราคาหุ้นต่ำสุดของปีนี้ที่ระดับ 20.70 บาท/หุ้น นั่นหมายความว่า ผู้ที่เข้าถือหุ้น ณ เวลานั้นจะสามารถทำกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น 9.30 บาท/หุ้น หรือ 44.92%

ทั้งนี้ หากพิจารณาการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น AMATA ตั้งแต่ต้นปี 2567 พบว่า ในช่วงต้นปีราคาหุ้นเคลื่อนไหวบริเวณ 25.00-27.00 บาท/หุ้น โดยทรงตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่ ก.ย.66 แม้จะย่อตัวลงบ้าง แต่ท้ายที่สุดช่วงส่งท้ายปี 66 มาถึงช่วงต้นเดือนแรกปีนี้ ราคาหุ้นก็สามารถกลับยืนในบริเวณดังกล่าวได้อีกครั้ง

ต่อมาราคาหุ้น AMATA ย่อตัวลงมาต่ำสุดครั้งแรกของปี 67 ที่ระดับ 21.30 บาท/หุ้น (31 ม.ค.) และจากนั้นราคาหุ้นเริ่มรีบาวนด์กลับมาเคลื่อนไหวบริเวณ 24.00 บาท/หุ้น และทรงตัวในบริเวณดังกล่าวจนถึงเดือน ส.ค.67 และราคาหุ้น AMATA กลับมาย่อตัวลงอีกครั้งจนต่ำสุดที่ระดับ 20.70 บาท/หุ้นในช่วงปลายเดือน ส.ค.67

อย่างไรก็ตาม หลังจากขยับขึ้นไปร่วมกว่า 2 เดือน (ส.ค.-พ.ย.) ราคาหุ้นเป็นขาขึ้นต่อเนื่องจนสามารถสร้างจุดสูงสุดในรอบ 11 เดือนที่ระดับ 30.00 บาท/หุ้น (8 พ.ย.) แม้จากนั้นจะย่อตัวลงมาเหลือ 28.25 บาทต่อหุ้น (13 พ.ย.) ก็ตาม แต่ด้วยหลายปัจจัยที่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจของ AMATA ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่า ราคาหุ้นดังกล่าวยังมีโอกาสฟื้นตัว และทะยานขึ้นต่อไปได้อีก

หลายปัจจัยหนุนธุรกิจ

สิ่งที่น่าสนสำหรับ AMATA นั่นคือข่าวการเข้ามาลงทุนของกลุ่มธุรกิจต่างชาติ ที่ทยอยมีข่าวออกมาเรื่อยๆ โดยล่าสุด 8 พ.ย. (วันที่ AMATA ปรับตัวขึ้นสูงสุด) นั้นมีรานงานว่า AMATA ได้ลงนามข้อตกลงซื้อขายที่ดินกับบริษัท GDS International ผู้พัฒนาศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ชั้นนำจากแปซิฟิก เพื่อสร้างศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ไฮเปอร์สเกลในประเทศไทย บนพื้นภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี เพื่อตอบสนองความต้องการที่เติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจระบบคลาวด์และการจัดเก็บข้อมูลที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งจะสนับสนุนการพัฒนากลยุทธ์ด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน โดยคาดว่าใช้งบประมาณลงทุนถึง 1 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 5 ปีข้างหน้า

ภาพรวมยอดขายทะลุเป้า

เมื่อเร็วๆ นี้ น.ส.เด่นดาว โกมลเมศ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน แสดงความเห็นต่อทิศทางธุรกิจของบริษัทว่า จากยอดขายที่ดินรวม 9 เดือนแรกปี 2567 สามารถบรรลุเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 2,000 ไร่แล้ว และมียอดการโอนที่ดินรวม 766 ไร่ โดยเฉพาะไตรมาส 3/67 บริษัทมียอดขายถึง 957 ไร่ และยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง

ปัจจัยดังกล่าวทำให้ AMATA คาดว่าช่วงไตรมาสสุดท้าย ยอดขายที่ดินของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอีก 500 ไร่ จากนักลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่องทั้งที่นิคมในไทยและเวียดนาม ซึ่งมีทำเลรองรับอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ โดยฐานลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาเพิ่มเติมส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการจีนที่เข้ามาประกอบกิจการหลากหลาย เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ ดาต้า เซ็นเตอร์ จึงคาดว่าทั้งปี 2567 บริษัทจะมียอดขายที่ดินเพิ่มเป็น 2.5 พันไร่


นั่นทำให้ด้านงบลงทุนสำหรับซื้อที่ดินปี 2567 อยู่ที่ ราว 5,000-6,000 ล้านบาทนั้น คาดจะใช้ได้ทั้งหมด เพื่อขยายพื้นที่รองรับความต้องการลูกค้าต่างๆ ที่ต้องการย้ายฐานเข้ามาในไทย ซึ่งบริษัทมีทำเลที่เหมาะสมทั้งชลบุรี และระยอง

ไม่เพียงเท่านี้ AMATA ยังมีแผนจะปรับราคาขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมขึ้นราว 5-10% จากราคาเดิม ทำให้มาร์จิ้นการขายที่ดินสูงขึ้น ทำให้แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังคาดว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะปกติบริษัทจะมีการโอนที่ดินครึ่งปีหลังมากกว่าครึ่งปีแรกที่มียอดโอนแล้ว 314 ไร่ ทำให้รับรู้รายได้เพิ่มขึ้น คาดว่าสูงขึ้นกว่าครึ่งปีแรก

ขณะที่รายได้ธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคปกติจะเติบโตปีละไม่น้อยกว่า 5% และปีนี้มีรายได้ขายไฟของโรงไฟฟ้าในนิคมเวียดนาม ที่เติบโตสูงมาก จากลูกค้ารายใหญ่ หนุนรายได้ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) เพิ่มขึ้น 

ล่าสุด สิ้นไตรมาส 2/67 บริษัทมี Backlog อยู่ที่ 1.69 หมื่นล้านบาท เป็นในไทย (ระยองและชลบุรี) 1.51 หมื่นล้านบาท และเวียดนาม 1.8 พันล้านบาท เริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 3-4 ปีนี้ ตอนนี้ทยอยโอนแล้ว หลักๆ เป็นที่ดินในไทยทั้งชลบุรีและระยอง ส่วนที่เวียดนามคาดจะโอนรับรู้รายได้ปี 68

ลูกค้าย้ายฐานหนุนธุรกิจเด่น

ส่วนผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่ง “โดนัลด์ ทรัมป์” จากพรรครีพับลิกันเป็นผู้ชนะ ทำให้มีโอกาสที่สงครามการค้าระหว่างจีนและอเมริกาจะกลับมารุนแรงอีกครั้ง และสถานการณ์นี้คาดส่งผลดีต่อธุรกิจนิคมของ AMATA เนื่องจากสร้างแรงผลักดันทำให้มีการย้ายฐานการผลิตเข้ามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบ

ต้นทุนการขายกดดันกำไร

ทั้งนี้ AMATA ดำเนินธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีบริษัทในกลุ่มดำเนินธุรกิจด้านสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการหลังการขาย ทั้งน้ำประปา กระแสไฟฟ้า และจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 67 มีกำไรสุทธิ 231 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.20 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 66 กำไรสุทธิ 313 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.27 บาท

ส่วนผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 67 มีกำไรสุทธิ 694 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.60 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 66 กำไรสุทธิ 805 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.70 บาท

สิ่งที่น่าสนใจ คือ AMATA รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 2/67 มีกำไรสุทธิ 231.16 ล้านบาท ลดลง 26.20% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 313.30 ล้านบาท แม้บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 2,6921 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80.91% โดยรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์มีจำนวน 983 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 167.12% จากการโอนที่ดินรวม 162 ไร่ (ไทย 128 ไร่ และเวียดนาม 34 ไร่) ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 43.03% ลดลง 45.11% จากต้นทุนที่ดินที่สูงขึ้น

ขณะที่รายได้ธุรกิจบริการสาธารณูปโภคมีจำนวน 1,424 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.14% จากการให้บริการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในนิคมอุตสาหกรรมในเวียดนาม แต่กำไรขั้นต้นปรับลดลง 20.31% เนื่องจากต้นทุนค่าการบริการสาธารณูปโภคในเวียดนามถูกกำหนดโดยภาครัฐ รวมถึงการให้บริการในไทยมีต้นทุนสูงขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้จากการให้เช่า 240 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.71% จากพื้นที่โรงงานสำเร็จรูปให้เช่าในไทยเพิ่มขึ้น โดยอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 77.08% นอกจากนี้ มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า 258 ล้านบาท ลดลง 15.41% เนื่องจากกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้ามีการปิดซ่อมบำรุงตามแผน

รายได้-กำไรไตรมาส 3 พุ่ง

ล่าสุด AMATA รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/67 พบว่า บริษัทมีรายได้รวม 3,598 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.63% จากงวดเดียวกันปี 2566 โดนมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 403 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.95% จาก 322 ล้านบาท ทำให้กำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 765 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93.02% จาก 396 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปี 2566 สาเหตุสำคัญมาจากบริษัทมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 2,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 602 ล้านบาท หรือ 37.32% โดยมีการโอนที่ดินรวม 452 ไร่ (ไทย 362 ไร่ และ เวียดนาม 90 ไร่) ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายอสังหาริมทรัพย์อยุ่ที่ 38.29% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 37.25% ในช่วงเดียวกันปีก่อน

ขณะที่มีรายได้จากค่าบริการสาธารณูปโภค 1,121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111 ล้านบาท หรือ 11% จากช่วงเดียวกันปี 2566 เนื่องจากมีการให้บริการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทที่เวียดนาม แต่อัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงมาอยู่ที่ 17.64% จาก 19.47% ในช่วงเดียวกันปีก่อน รวมถึงรายได้จากค่าเช่า 239 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23 ล้านบาท หรือ 10.75% จากไตรมาส 3 ปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 79.36% และมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า 403 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81 ล้านบาท หรือ 24.95% เนื่องจากกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติมีผลประกอบการดีขึ้น

ทำให้งวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 9,011 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.06% จาก 6,480 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า 817 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.04% จาก 717 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปี 2566 แต่มีอัตรากำไรขั้นจากธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์ลดลงเหลือ 43.29% จาก 49.95% ในช่วงเดียวกันปีก่อน ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,860 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 240 ล้านบาท หรือ 14.79% จากช่วงเดียวกันก่อน เนื่องจากมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น โดยมีการโอนที่ดิน 765 ไร่ (ไทย 618ไร่ และเวียดนาม 147 ไร่)

โบรกฯ เชื่อยอดขายที่ดินพุ่ง

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่าบริษัท ดิจิทัลแลนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด ในเครือ GDS เป็นผู้ให้บริการ ดาต้า เซ็นเตอร์ ชั้นนำระดับโลก ได้ประกาศแผนงานร่วมมือกับ AMATA ในนิคมอมตะซิตี้-ชลบุรี ครอบคลุมถึงการซื้อที่ดินและจัดหาพลังงาน คาดว่า AMATA จะเริ่มรับรู้ยอดขายที่ดินเข้ามาช่วงแรกในไตรมาส 4/67 ราว 72 ไร่ โดยในปี 2567 บริษัทจะมียอดขายที่ดินไม่ต่ำกว่า 2,500 ไร่ หรือเพิ่มขึ้น 35% เทียบปีก่อน และด้วยมูลค่าลงทุนของ GDS ที่สูง คาดหวังว่าจะสามารถรับรู้ยอดขายได้เพิ่มอีกในอนาคตขึ้นอยู่กับแผนของลูกค้าในเฟสต่อๆ ไป

ทำให้เชื่อว่าถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อ AMATA ที่สามารถรองรับลูกค้ารายใหญ่ของโลกและเป็นธุรกิจที่มีการขยายการลงทุนสูงในปัจจุบัน ในขณะที่ AMATA ปัจจุบันมี Backlog 19,392 ล้านบาท ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/67 จะเติบโตได้โดดเด่นกว่ากลุ่ม โดยคาดกำไรสุทธิที่ 656 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 65.5% เทียบปีก่อน และเพิ่มขึ้น 183.7% จากไตรมาสก่อน ผลจากยอดโอนที่สูงขึ้นที่ 452 ไร่ และมีส่วนแบ่งกำไรเติบโตสูงขึ้น จากโรงไฟฟ้าสินค้าและบริการออนไลน์จะช่วยผลักดันธุรกิจดาต้า เซ็นเตอร์ 

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีอัตราการใช้บริการออนไลน์และการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลในสัดส่วนที่สูง รวมทั้งมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G, Cloud Computing, Internet of Things (IoT) และ AI เพื่อต่อยอดธุรกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มให้องค์กร จะช่วยผลักดัน การลงทุนในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และธุรกิจ ดาต้า เซ็นเตอร์ ทำให้ตลาดกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นปัจจัยส่งเสริมต่อกลุ่มนิคมอย่างต่อเนื่อง ราคาพื้นฐานปี 2568 ที่ 30.25 บาท อิง P/E 15.7 เท่า ยังคำแนะนำ "ทยอยซื้อ"

ขณะที่ บล.ทิสโก้ เชื่อว่า AMATA จะมีแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3 ปีนี้ ขับเคลื่อนโดยยอดขายที่ดินและยอดจองที่แข็งแกร่ง โดยคาดว่าบริษัทรายงานยอดขายที่ดิน 957 ไร่ในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 84% เทียบปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากโครงการชลบุรี 2 ผลงานที่แข็งแกร่งนี้คาดว่าจะทำให้ยอดโอนที่ดิน 9 เดือนแรกปี 67 24 เพิ่มขึ้นเกือบถึง 700 ไร่ เพิ่มขึ้น 66% เทียบปีก่อน โดยอมตะซิตี้ ระยอง มีส่วนสำคัญโดยยอดโอนที่ดินเพิ่มขึ้น 135% ยอดจองใน 9 เดือนแรกปีนี้ได้เกิน 2,000 ไร่แล้ว และบริษัทคาดว่าจะมียอดจองอีกประมาณ 500 ไร่ในไตรมาสสุดท้าย

รวมถึงยอดขายในไทยและเวียดนาม ทำให้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 67-68 จาก backlog ที่แข็งแกร่ง และยอดจองที่ดินที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าโมเมนตัมการโอนจะค่อนข้างอ่อนแอ แต่เรายังคงคาดว่าจะมีการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งต่อไปเมื่อมีการรับรู้ backlog จึงปรับการประเมินมูลค่าไปยังปี 2025 และกำหนดค่า PE เป้าหมายตามค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 14 เท่า ทำให้มูลค่าที่เหมาะสมอยู่ที่ 35.00 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ โครงการขยายชลบุรี 2 ของ AMATA เป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ โดยโครงการมีพื้นที่ 2,200 ไร่ โดย 75% พร้อมขายในปัจจุบัน ซึ่งล่าสุด 80% ของที่ดินที่พร้อมขายได้มีการท า LOI แล้ว ส่วนที่เหลือ 20% อยู่ระหว่างการเจรจา แม้ว่าที่ดินบางส่วนในชลบุรี 2 จะมีการโอนในปีนี้ แต่ส่วนใหญ่จะยกยอดไปปีหน้า บริษัทยังเน้นย้ำถึงแผนการขยายอื่นๆ ที่กำลังดำเนินการอยู่ทั้งในชลบุรีและระยอง ซึ่งรับประกันการมีโครงการในอนาคตที่แข็งแกร่ง

ไม่เพียงเท่านี้ AMATA กำลังได้รับความสนใจอย่างมากจากลูกค้า Data Center มีดีลที่อยู่ระหว่างดำเนินการสองดีลสำหรับไตรมาส 4 ปี 67 หนึ่งดีลมีขนาดเกิน 50 ไร่ และอีกดีลเกิน 70 ไร่ ทั้งสองดีลมาจากสิงคโปร์ บริษัทยังได้ปิดการขายที่ดิน Data Center 32 ไร่ให้กับลูกค้าจากสิงคโปร์เมื่อเร็วๆ นี้ โดย AMATA ได้ปรับนโยบายราคาในปีนี้ ส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5-10% เทียบปีก่อน และคาดว่าจะมีการปรับราคาเพิ่มเติมในปีหน้า

ดังนั้น จาก  Backlog ของ AMATA ยังคงทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยคาดว่าจะมีการโอนในเวียดนาม 1.8 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะรับรู้ในปีหน้า นำไปสู่การตั้งเป้าที่จะโอนงานในมือทั้งหมด 1.7 หมื่นล้านบาท ให้ลูกค้าภายในสิ้นปี 2025 ไม่คาดว่าจะมีรายการพิเศษใน 3Q24 และรายได้จากสาธารณูปโภคควรจะคงที่เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา จึงยังคงให้คำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ AMATA จากการประเมินมูลค่าและการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งจาก Backlog


กำลังโหลดความคิดเห็น