ตลาดคริปโตไตรมาสสุดท้ายปี 2567 ร้อนแรงมากขึ้น และ กำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ใหม่ ที่นักลงทุนจำนวนมากทยอยถอนเหรียญออกจากกระดานซื้อขาย เพื่อนำไปเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ออฟไลน์ (cold wallet) ส่งผลให้เกิดความผันผวนและแรงกดดันในตลาดที่อาจกระตุ้นราคาขึ้นในระยะยาว แม้ว่าราคาปัจจุบันจะเผชิญกับแรงต้านจากการขายทำกำไรในระยะสั้นก็ตาม
พฤติกรรมผลักดันราคาของนักลงทุน
ข้อมูลจาก CryptoQuant ชี้ให้เห็นว่าการถอนบิทคอยน์ เพื่อหวังผลทางอุปสงค์และอุปทานนั้น ไม่ใช่พึ่งเกิดขึ้น โดยหากย้อนไปช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีการโอนเหรียญออกจากกระดานเทรดไปยังกระเป๋าออฟไลน์ ในวันที่ 27 สิงหาคม 2024 มีมูลค่ารวมกว่า 45,000 BTC ซึ่งนับเป็นการไหลออกที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของปีนี้ โดยนักวิเคราะห์มองว่าเป็นสัญญาณของความเชื่อมั่นในระยะยาว ซึ่งนักลงทุนที่เลือกถือบิทคอยน์ แทนการขายออกทันที เพื่อลดแรงกดดันด้าน demand and supply ในตลาด
ขณะที่ CoinTribune กล่าวว่าในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน นักลงทุนระยะยาว (Hodlers) แสดงความระมัดระวังในการขาย แม้ว่าราคาจะขึ้นแตะจุดสูงสุดใหม่ที่ประมาณ $68,000 แต่พฤติกรรมดังกล่าวแสดงถึงความมั่นใจในอนาคตของตลาดมากขึ้น และบ่งบอกถึงความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นของนักลงทุนในตลาดคริปโต
ผลกระทบราคาบิทคอยน์ เมื่อนักลงทุนบิดเบือนกลไกตลาดเพื่อหวังดันราคา
ขณะที่ CryptoSlate มองว่าการโอนย้ายบิทคอยน์ออกไปจากระบบซื้อขายไปยังกระเป๋าออฟไลน์มักมีผลต่อราคาสองแบบในระยะสั้นและระยะยาว
โดยในระยะสั้นการลดลงเชิงปริมาณเหรียญหมุนเวียนในตลาดคริปโตที่หมุนเวียนในระบบ ทำให้แรงซื้อขายลดลง ส่งผลให้ราคามีความเสี่ยงต่อการปรับฐาน
อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวการสะสมเหรียญใน cold wallet มักเป็นตัวกระตุ้นให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากอุปทานในตลาดลดลง และสร้างแรงกดดันจากฝั่งซื้อเมื่อความต้องการเพิ่มขึ้น