“ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น” กางผลงานงวด 9 เดือนปีนี้กำไรสุทธิ 2,060.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,590.92% จากงวดเดียวกันปีก่อน รับกำไรพิเศษจากการปิดดีลจำหน่าย “ทานตะวัน โซล่าร์” และ “ซุปเปอร์เอิร์ธ เอนเนอร์ยี 1” ซึ่งเป็นบริษัทย่อย รวม 2,256.02 ล้านบาท เผยโค้งสุดท้ายปีนี้เตรียม COD รับทรัพย์เพิ่มโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม Soc Trang เวียดนาม กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ พร้อมเดินหน้าจับมือพันธมิตรขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบทั้งในและต่างประเทศ
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SUPER) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2567 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567) บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,060.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,004.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3,590.92% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ 55.83 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 7,420.00 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิ 2,251.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,777.65 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 527.79% จากงวดเดียวกันปีก่อน และมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,098.15 ล้านบาท
ปัจจัยที่ทำให้กำไรงวด 9 เดือนเพิ่มขึ้นมาจากการรับรู้กำไรพิเศษจากการจำหน่ายเงินลงทุนในกลุ่ม ทานตะวัน โซลาร์ (SUNFLOWER) ให้ “เลวันตา รีนิวเอเบิลส์ (ประเทศไทย)” (LEVANTA) บริษัทในเครือ Actis Energy Fund 5 กองทุนพลังงานในประเทศอังกฤษ ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย กำลังการผลิตรวม 139.40 เมกะวัตต์ จำนวน 2,132.33 ล้านบาท
รวมถึงบริษัท ซุปเปอร์เอิร์ธ เอนเนอร์ยี 1 จำกัด (SEE1) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ให้บริษัท SUS Thailand Holding Limited (SUS) ภายใต้กลุ่ม Shanghai SUS Environment Co., Ltd สาธารณรัฐประชาชนจีน ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะ อำเภอทรายน้อย จังหวัดนนทบุรี มีกำลังการผลิตติดตั้ง 20 เมกะวัตต์ จำนวน 123.69 ล้านบาท
“ผลการดำเนินงานที่ออกมาพอใจ ภายใต้ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น บริษัทยังคงรักษา BITDA Margin งวด 9 เดือนได้ในระดับสูงถึง 111% ซึ่งแสดงถึงสถานะความมั่นคงทางการเงินที่แข็งแกร่ง และบริษัทยังมองหาโอกาสในการขยายการลงทุนพลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
รวมถึงการจับมือพันธมิตร ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุน และองค์ความรู้ด้านพลังงานทดแทน โอกาสในการขยายธุรกิจร่วมกันในอนาคต ทิศทางผลประกอบการในไตรมาส 4 ปีนี้จะยังคงเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่โครงการวินด์ฟาร์มในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ คาดว่าจะได้ข้อสรุป COD ภายในไตรมาส 4/67 หรือต้นปี 2568” นายจอมทรัพย์ กล่าว
สำหรับกำลังการผลิตปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในมือรวม 2,353.79 เมกะวัตต์ COD แล้ว 1,626.11 เมกะวัตต์ และจะเพิ่มกำลังการผลิตเชิงพาณิชย์เป็น 2,192 เมกะวัตต์ ในปี 2570 ซึ่งจะสนับสนุนให้บริษัทมีรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดด และสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นให้ผู้ถือหุ้นได้ทุกปี