"กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง" ไตรมาส 3 กำไรสุทธิแตะ 460.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.93 ล้านบาท หรือ 12.17% รับแรงหนุนจากการดำเนินธุรกิจหลักที่ดีขึ้น ทั้งในส่วนของธุรกิจการขายอุปกรณ์ไฟฟ้า ธุรกิจก่อสร้าง รายได้จากการขายทรัพย์สินตามสัญญาเช่าเงินทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีสาระสำคัญ เดินหน้าประมูลโครงการพลังงานทดแทนต่างประเทศเพิ่มเพื่อต่อยอดธุรกิจแกร่ง
น.ส.โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานตามปกติของกิจการ สำหรับงวดไตรมาส 3/2567 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 มีกำไรสุทธิจำนวน 460.19 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 410.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 49.93 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตรา 12.17% ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 2,667.60ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 2,183.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 483.85 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นอัตรา 22.16% โดยมีสาเหตุมาจากรายได้ส่วนงานขายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า ธุรกิจก่อสร้างและให้บริการ และรายได้จากการขายทรัพย์สินตามสัญญาเช่าเงินทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีสาระสำคัญ
ขณะที่รายได้จากการก่อสร้างและให้บริการมีจำนวน 942.42 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีจำนวน 627.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 314.71 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นอัตรา 50.14% เนื่องจากการรับรู้รายได้โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้ลูกค้าภาคเอกชน และโครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ส่วนรายได้จากการขายทรัพย์สินตามสัญญาเช่าเงินทุนมีจำนวน 517.23 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 461.01 เพิ่มขึ้นจำนวน 110.22 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นอัตรา 23.91% เกิดจากรายได้จากการขายไฟฟ้าบนหลังคาให้ภาคเอกชน โดยเป็นสัญญาระยะยาว 10-15 ปี ซึ่งเป็นรายได้ที่เกิดจากการขายทรัพย์สินตามสัญญาเช่าเงินทุนจากการปรับของมาตรฐานทางบัญชี (TFRS16)
สำหรับรายได้รวมงวด 9 เดือนของปี 2567 มีจำนวน 7,475.63 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 5,898.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,577.04 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตรา 26.74%
“บริษัทเชื่อว่าภาพรวมธุรกิจของกลุ่ม GUNKUL ในอนาคตจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มบริษัทที่ดำเนินการอยู่ในทุกภาคส่วนที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการเติบโตของประเทศ และเทรนด์ธุรกิจด้านพลังงานในอนาคตที่ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากแผน PDP ที่จะต้องมีการประมูลโครงการเพิ่มขึ้นในอนาคต รวมถึงการพัฒนาโครงการในต่างประเทศ ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการเจรจาและศึกษาโครงการต่างประเทศเพิ่มอยู่หลายโครงการ ทำให้เชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนให้ภาพรวมธุรกิจของบริษัทรวมถึงผลการดำเนินงานในอนาคตจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง” น.ส.โศภชา กล่าว
ทั้งนี้ จากการที่กลุ่มบริษัทมีการพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคง โดยยึดหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามหลักธรรมาภิบาล ในมิติเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจเพื่อให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน จึงทำให้ได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” จากโครงการสำรวจด้านการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2567 (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2024 : CGR) จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) โดยการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดย GUNKUL ถือเป็นองค์กรภาคเอกชนที่ได้รับการประเมิน CGR 5 ดาว ในระดับดีเลิศ ติดต่อกันเป็นเวลา 8 ปี