ปลายสัปดาห์ก่อน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ส่งสัญญาณว่า สัปดาห์นี้จะมีการกล่าวโทษอดีตผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่สร้างความเสียหายร้ายแรงให้นักลงทุน และ ก.ล.ต.ก็มาตามนัด โดยกล่าวโทษอดีตผู้บริหารบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็นจีเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC ในความผิดทุจริต
ผู้ถูกกล่าวโทษประกอบด้วย นายภูษณ ปรีย์มาโนช อดีตผู้บริหาร IEC และพวกรวม 4 ราย คือนางสัณห์จุฑา วิชชาวุธ อดีตกรรมการและผู้บริหาร IEC พล.ท.อนุธัช บุนนาค และนายสราญ เลิศเจริญวงษา
พฤติกรรมความผิดเกิดขึ้นระหว่างปี 2557-2558 โดยบุคคลทั้ง 4 ราย ร่วมกันกระทำการทุจริตผ่านธุรกรรมการจัดซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชีวมวลและ Plastic Recycling ที่อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ในราคาสูงเกินสมควร
และให้ IEC จ่ายเงินค่าจ้างในการจัดหาสิทธิกำจัดขยะ เพื่อให้ IEC เข้าทำสัญญารับช่วงสิทธิกำจัดขยะ โดยนายภูษณ และนางสัณห์จุฑา รู้อยู่แล้วว่า IEC ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ เนื่องจากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าของ IEC ถูกยกเลิกไปแล้ว อันเป็นเหตุให้ IEC ได้รับความเสียหายทั้งสิ้น 156.8 ล้านบาท
ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 4 รายต่อ DSI และมีผลให้ผู้ถูกกล่าวโทษเข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจและไม่สามารถดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน
นายภูษณ เคยถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษมาแล้ว เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2560 โดยร่วมกับพวกรวม 25 รายกระทำผิดหน้าที่โดยทุจริต เบียดบังทรัพย์สิน และแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ IEC เสียหาย รวมทั้งจัดทำหรือยินยอมให้มีการจัดทำบัญชีของ IEC ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงต่อความเป็นจริง เพื่อลวงบุคคลใดๆ
พฤติกรรมความผิดเกิดขึ้นระหว่างเดือนกันยายน 2557-เดือนสิงหาคม 2559 โดยผู้ถูกกล่าวโทษทั้ง 25 คน ร่วมกันดำเนินการ หรือมีส่วนรู้เห็นยินยอม หรือให้ความช่วยเหลือสนับสนุนกรรมการ ผู้บริหารหรือผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัท IEC กระทำผิดหน้าที่โดยทุจริต เกี่ยวกับการลงทุนซื้อหุ้นบริษัทย่อย การเข้าทำสัญญาว่าจ้างก่อสร้าง และการจัดซื้อและติดตั้งเครื่องจักร มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นรวมมากกว่า 200 ล้านบาท
การทุจริตของนายภูษณ ทั้ง 2 คดีที่ถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษ เกิดขึ้นระหว่างปี 2557-2559 รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 356 ล้านบาท ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฐานะทางการเงินของ IEC มีปํญหา แม้ว่ายุคปลายนายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ จะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และพยายามเพิ่มทุนเพื่อระดมทุนเสริมสภาพคล่องทางการเงิน แต่ไม่อาจกอบกู้วิกฤต IEC ได้
นายโกมล จึงต้องเอาเงินมาทิ้งในหุ้น IEC จำนวนไม่น้อย
ส่วนนายภูษณ เคยเป็นผู้บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ซึ่งนายบุญชัย เบญจรงคกุล เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในขณะนั้น โดยนายภูษณ ถูกพูดถึงในฐานะลูกจ้างที่รวยกว่าเจ้าของ
ผู้ถือหุ้น IEC ถือว่าสูญเสียกันด้วยถ้วนหน้า ตายเกลี้ยงพร้อมกับ IEC แต่คดีนายภูษณ เงียบหายไปกว่า 7 ปีแล้ว กรณีร่วมกับพวกรวม 25 คนทุจริต โดยสาธารณชนไม่มีข้อมูลความคืบหน้าของคดีที่ ก.ล.ต.กล่าวโทษไปเมื่อ 7 ปีก่อน โดยคดีอยู่ในความเงียบที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI
ไม่มีใครรู้ว่า นายภูษณ ยังใช้ชีวิตอยู่สุขสบายหรือไม่ และการถูกล่าวโทษซ้ำสองคดีโกงใน IEC สุดท้ายจะต้องชดใช้กรรมที่ก่อไว้กับนักลงทุนหรือไม่