นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (12 พ.ย.) ที่ระดับ 34.51 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงหนักจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 34.31 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.40-34.65 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงต่อเนื่อง (กรอบการเคลื่อนไหว 34.30-34.59 บาทต่อดอลลาร์) กดดันโดยการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่าภายใต้การดำเนินนโยบายของรัฐบาล Trump 2.0 เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่ได้ระบุไว้ใน Dot Plot เดือนกันยายน โดยล่าสุด จาก CME FedWatch Tool ผู้เล่นในตลาดเชื่อว่าเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยราว 2 ครั้งในปี 2025 (โอกาส 86%) ซึ่งน้อยกว่าการลดดอกเบี้ยทั้งหมด 4 ครั้ง ที่เฟดได้ระบุไว้ใน Dot Plot นอกจากนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ รวมถึงการเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงของผู้เล่นในตลาดได้กดดันให้ราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวลงหนักกว่า -60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เข้าใกล้โซนแนวรับแถว 2,600-2,610 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนใช้จังหวะดังกล่าวในการทยอยเข้าซื้อทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวมีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง ทว่า เงินบาทยังไม่ได้อ่อนค่าจากโซน 34.50-34.60 บาทต่อดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มทยอยขายทำกำไรการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์บ้าง รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมขายเงินดอลลาร์จากผู้เล่นในตลาดบางส่วน หลังเงินบาทอ่อนค่าใกล้โซนแนวต้าน 34.50 บาทต่อดอลลาร์
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ โดยเฉพาะในส่วนของอัตราการเติบโตของค่าจ้าง ซึ่งจะมีผลต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ได้ พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ BOE เพื่อประกอบการประเมินทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของ BOE โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่า BOE มีโอกาสเพียง 22% ที่จะลดดอกเบี้ยต่อในการประชุมเดือนธันวาคมนี้
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน โดยเฉพาะในส่วนของเศรษฐกิจเยอรมนี ผ่านรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ (ZEW Economic Sentiment) ของเยอรมนี และยูโรโซนในเดือนพฤศจิกายน
และในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด โดยเฉพาะหลังรับรู้ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มว่า รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถดำเนินนโยบายต่างๆ ตามที่หาเสียงไว้ได้พอสมควร หลังพรรครีพับลิกันมีโอกาสครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสได้
นอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า การอ่อนค่าลงหนักของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น ทำให้โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทมีกำลังมากขึ้น เปิดโอกาสให้เงินบาทยังสามารถทยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ และมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 34.65 บาทต่อดอลลาร์ได้ไม่ยาก ทว่า การอ่อนค่าลงของเงินบาทนั้นอาจถูกชะลอลงบ้างจากแรงขายเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาด ทั้งฝั่งผู้ส่งออก และฝั่งผู้เล่นในตลาดที่มีสถานะ Short THB (อาจรอจังหวะทยอยขายทำกำไรสถานะดังกล่าวได้) อีกทั้งหากราคาทองคำรีบาวนด์ขึ้นต่อเนื่องได้ อย่างน้อย +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากโซนแนวรับจะพอช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้าง
อย่างไรก็ดี เงินบาทจะยังคงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่ ตราบใดที่ผู้เล่นในตลาดยังเชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด ซึ่งมุมมองดังกล่าวจะหนุนทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ (ซึ่งเป็นปัจจัยที่คอยกดดันราคาทองคำได้เช่นกัน) นอกจากนี้ บรรดานักลงทุนต่างชาติอาจเดินหน้าขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม อีกทั้ง ก่อนที่ตลาดจะรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือนของจีน เงินหยวนจีน (CNY) มีแนวโน้มอ่อนค่าลงได้บ้าง กดดันบรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชีย
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ เพราะหากภาพรวมตลาดแรงงานอังกฤษชะลอตัวลงชัดเจน อีกทั้งอัตราการเติบโตค่าจ้างชะลอลงกว่าคาด อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมาเชื่อว่า BOE อาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ ซึ่งจะกดดันให้เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) มีโอกาสอ่อนค่าลงต่อได้เช่นกัน นอกจากนี้ ควรรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยได้