ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทยอยประกาศรายงานงบการเงินรวมไตรมาส 3/67 กันไปพอสมควรแล้ว โดยพบว่ากำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยลดลงทั้งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน และบางหลักทรัพย์พลิกเป็นขาดทุนสุทธิด้วย ทำให้กดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยในอนาคต โดยคัดจากหุ้นในกลุ่ม SET100 ที่ผลประกอบการไตรมาส 3 ขาดทุนสุทธิ ดังนี้
1.PTTGC บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) รายงานงบการเงินรวมไตรมาส 3/67 ขาดทุนสุทธิ 19,312.14 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน กำไร 1,426.67 ล้านบาท ,งบ 9 เดือน/2566 อยู่ที่ -4,082.29 ล้านบาท ,งบ 9 เดือน/2567อยู่ที่ -18,072.42 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้น ปี67 คือ-29.87 %,ผลตอบแทนราคา 5 วัน คือ+1.89%, ราคา ณ 8 พ.ย.67 คือ27.00 บาท(ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 41.25 / 22.80 บาท),มาร์เก็ตแคปล่าสุด 121,738.93 ล้านบาท,ค่าP/E -เท่า,อัตราเงินปันผล YTD ปี 67 คือ 2.78% โบรกฯคาด PTTGC พลิกมีกำไรปี 68 แตะ 3.57 พันล้านบาท เหตุตามการฟื้นของฝั่งปิโตรเคมีที่ค่าใช้จ่ายคงที่ต่อส่วนแบ่งขาดทุนลด คาดไตรมาส4/67 ขาดทุนลดลง จากขาดทุนสต็อกน้อยลง-ค่าการกลั่นฟื้น ลั่น ไตรมาส 3 งบต่ำสุดของปีนี้
2.IRPC บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) รายงานงบการเงินรวมไตรมาส3/67 ขาดทุนสุทธิ 4,879.96ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน กำไรสุทธิ 2,438.60 ล้านบาท ,งบ 9 เดือน/2566 อยู่ที่ 493.53 ล้านบาท ,งบ 9 เดือน/2567อยู่ที่ -4,067.70 ล้านบาท ,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้น ปี67 คือ -29.70%,ผลตอบแทนราคา 5 วัน คือ -6.58%, ราคา ณ 8 พ.ย.67 คือ 1.42 บาท (ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 2.10 /1.35 บาท),มาร์เก็ตแคปล่าสุด 29,016.88 ล้านบาท,ค่าP/E - เท่า,อัตราเงินปันผลYTD ปี 67 คือ 2.11% ทั้งนี้บริษัทฯ บันทึกขาดทุนก่อนดอกเบี้ย ภาษีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 4,843 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่บันทึก EBITDA จำนวน 1,439 ล้านบาท โดยในไตรมาส 3/2567 สถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้บริษัทฯ บันทึกกำไรจากตราสารอนุพันธ์จำนวน 763 ล้านบาท และบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินกู้ยืมจำนวน 182 ล้านบาท
3.TOP บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) รายงานงบการเงินรวมไตรมาส 3/67 ขาดทุนสุทธิ 4,218 ล้านบาท พลิกจากกำไร 1.08 หมื่นล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากกำไร 5.5 พันล้านบาทในไตรมาส 2/67 ,งบ 9 เดือน/2566 อยู่ที่ 16,498.83 ล้านบาท ,งบ 9 เดือน/2567อยู่ที่ 7,191.87 ล้านบาท ลดลง 9,306.96 ล้านบาท หรือ -56.41%,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้น ปี 67 คือ-20.47 %,ผลตอบแทนราคา 5 วัน คือ +3.01%, ราคา ณ 8 พ.ย.67 คือ 42.75 บาท (ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 60.75 / 40.75 บาท),มาร์เก็ตแคปล่าสุด 95,496.47 ล้านบาท,ค่าP/E 3.79 เท่า,อัตราเงินปันผล YTD ปี 67คือ 7.95% โบรกฯคาดแนวโน้มไตรมาส 4/67 คาดค่าการกลั่น Market GRM ฟื้นตัวจากอุปทานตึงตัวขึ้น และอุปสงค์เพิ่มในช่วงฤดูหนาว รวมถึงความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในยุโรปและสหรัฐเพิ่มขึ้นจากกิจกรรมเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ด้านค่าพรีเมียมน้ำมันดิบมองว่าในไตรมาส 4/67 จะขยับขึ้น QoQ จากเหตุการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
4.BCP บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานงบการเงินรวมไตรมาส 3/67 ขาดทุนสุทธิ -2,093 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน กำไรสุทธิ 11,011 ล้านบาท ,งบ 9 เดือน/66 อยู่ที่ 14,210.09 ล้านบาท ,งบ 9 เดือน/67 อยู่ที่ 2,167.51 ล้านบาท ลดลง 12,042.58 ล้านบาท หรือ -84.75%,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้น ปี 67 คือ -23.56%,ผลตอบแทนราคา 5 วัน คือ -1.48%, ราคา ณ 8 พ.ย.67 คือ 33.25 บาท (ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 47.50 / 31.00 บาท),มาร์เกตแคปล่าสุด45,782.69 ล้านบาท,ค่า P/E 38.45 เท่า,อัตราเงินปันผลYTD ปี 67 คือ 6.02% จากแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/67 ที่ไม่น่าตื่นเต้น บล.บัวหลวงจึงไม่เห็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น อย่างไรก็ตามค่าการกลั่นที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ ในไตรมาส 4/67 อาจเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเรามองเป็นโอกาสในการ sell into strength เนื่องจากข้อมูลในอดีตบ่งชี้ว่าราคาหุ้นกลุ่มโรงกลั่นมักจะปรับตัวลดลงในไตรมาสที่หนึ่งของปีถัดไป
5.OR บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) รายงานงบการเงินรวมไตรมาส3/67 ขาดทุนสุทธิ1,609 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,170 ล้านบาท ,งบ 9 เดือน/2566 อยู่ที่ 10,901.13 ล้านบาท ,งบ 9 เดือน/2567อยู่ที่ 4,650.94 ล้านบาท ลดลง 6,250.19ล้านบาท หรือ -57.34%,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้น ปี67 คือ -24.08%,ผลตอบแทนราคา 5 วัน คือ-5.84%, ราคา ณ 8 พ.ย.67 คือ 14.50บาท (ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ20.50 / 13.70บาท),มาร์เก็ตแคปล่าสุด 174,000.00 ล้านบาท,ค่า P/E 35.92 เท่า,อัตราเงินปันผลYTD ปี67คือ 3.59% ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีรายได้ขายและบริการเพิ่มขึ้น 1,316 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นของทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหาร และเครื่องดื่มและธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ และมี EBITDA จำนวน 12,779 ล้านบาท ลดลง 5,904 ล้านบาท หรือลดลง 31.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยลดลงจากกลุ่มธุรกิจ Mobility และกลุ่มธุรกิจ Global ที่ภาพรวมผลประกอบการที่อ่อนตัวลงจากราคาน้ำมันในตลาดโลก
6.BSRC บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) รายงานงบการเงินรวมไตรมาส 3/67 ขาดทุนสุทธิ 1,735.13 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,523.55 ล้านบาท ,งบ 9เดือน/2566 อยู่ที่ 1,651.61 ล้านบาท ,งบ 9 เดือน/2567อยู่ที่ -658.79 ล้านบาท ลดลง 2,310.40 ล้านบาท ,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้น ปี 67 คือ -16.47%,ผลตอบแทนราคา 5 วัน คือ-4.05%, ราคา ณ 8 พ.ย.67 คือ 7.10 บาท(ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 10.60 / 6.40 บาท),มาร์เกตแคปล่าสุด 24,572.09 ล้านบาท,ค่าP/E -เท่า,อัตราเงินปันผลYTD ปี 67คือ 3.52% BSRC เข้ารับการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย หรือ Corporate Governance Report for Thai Listed Company (CGR) ประจำปี 2567 โดยได้รับคะแนนในระดับ 5 ดาว "ดีเลิศ" หรือ "Excellent" แสดงถึงการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส โดยมีการกำกับดูแลกิจการที่ดีเยี่ยม
7.TRUE บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานงบการเงินรวมไตรมาส 3/67 ขาดทุนสุทธิ 810.17 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุนสุทธิ 1,598 ล้านบาท แต่หลังปรับปรุงรายการพิเศษ มีกำไรสุทธิที่ 3.1 พันล้านบาท EBITDA ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน, งบ 9 เดือน/2566 อยู่ที่ -3,302.23 ล้านบาท งบ 9 เดือน/2567อยู่ที่ -3,458.08 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้น ปี 67 คือ +137.62%,ผลตอบแทนราคา 5 วัน คือ -1.64%, ราคา ณ 8 พ.ย.67 คือ12.00 บาท (ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 12.40 / 5.00 บาท),มาร์เก็ตแคปล่าสุด 414,625.21 ล้านบาท,ค่าP/E -เท่า,อัตราเงินปันผล YTD ปี 67 คือ -% TRUE ประกาศดอกเบี้ยหุ้นกู้ชุดใหม่ 5 ชุด 2.95-4.00% ต่อปี อันดับความน่าเชื่อถือระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากทริสเรทติ้ง ตอกย้ำสถานะที่แข็งแกร่ง คาดเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 21-22 และ 25 พ.ย.นี้ ผ่าน 7 สถาบันการเงิน
8.STGT บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานงบการเงินรวมไตรมาส 3/67ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 86.53 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 47.44 ล้านบาท,งบ 9 เดือน/2566 อยู่ที่ 194.96 ล้านบาท ,งบ 9 เดือน/2567 อยู่ที่ 438.64 ล้านบาท เพิ่ม 243.68 ล้านบาท หรือ +124.99%,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้น ปี 67 คือ +56.72%,ผลตอบแทนราคา 5 วัน คือ-0.94%, ราคา ณ 8 พ.ย.67 คือ 10.50 บาท(ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 13.30 / 5.75บาท),มาร์เกตแคปล่าสุด 30,084.39 ล้านบาท,ค่าP/E 56.73 เท่า,อัตราเงินปันผลYTD ปี67คือ 4.76% ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 124.99% เป็นผลมาจาก มีสัญญาณเชิงบวกจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 9,593 ล้านชิ้นในไตรมาสนี้หรือเพิ่มขึ้น 13.8% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 26.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นจากกลุ่มผลิตภัณฑ์และในทุก ภูมิภาค ทั้งถุงมือยางธรรมชาติแบบมีแป้ง (NRPD) ถุงมือยางธรรมชาติแบบไม่มี แป้ง (NRPF) และถุงมือยางสังเคราะห์ (NBR)
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตุว่า ใน 8 หุ้นดังกล่าวนี้ที่ขาดทุนในไตรมาส3 นี้ ส่วนใหญ่ จะอยู่ในกลุ่มพลังงาน ประกอบด้วย PTTGC ,IRPC, TOP, BCP, OR และ BSRC


