การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่นักลงทุนทั่วโลกจับตารอคอย ผลสรุปออกมาแล้ว โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะอย่างขาดลอย ปลุกให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทะยานขึ้นอย่างคึกคัก แต่ตลาดหุ้นไทยกลับหัวทิ่มลง ทำท่าจะถอยหลังลงไปแตะดัชนี 1,450 จุดอีกครั้ง
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์บางสำนักเคยประเมินไว้ก่อนหน้า ถ้าทรัมป์ชนะการเลือกตั้งจะเป็นผลดีกับประเทศไทย เงินทุนต่างชาติจะไหลกลับ สงครามการค้ากับจีนจะทำให้ไทยได้รับประโยชน์ หุ้นจะดีดตัวขึ้นสร้างจุดสูงสุดใหม่ ดัชนีทะลุ 1,506 จุด
แต่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์อีกฝ่ายมองว่า ถ้าทรัมป์ชนะ สงครามการค้ากับจีนจะระเบิดขึ้น ไทยจะได้รับผลกระทบจากการกีดกันทางการค้า และเงินทุนจะไหลกลับไปสหรัฐฯ นักลงทุนต่างชาติจะเทขายหุ้นต่อเนื่อง
และนักวิเคราะห์ที่มองชัยชนะของทรัมป์ในแง่ร้าย กลายเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง เพราะหลังประกาศผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แม้หุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ตลาดพุ่งขึ้นเขียวขจี ดัชนีบวกกันระดับ 3% แต่ตลาดหุ้นไทยกลับทรุดหนักลงกว่า 14 จุด ดัชนีทรุดลงมาปิดที่ 1,467 จุด
นักลงทุนต่างชาติกลับมาเทขายหุ้น 1,782 ล้านบาท ทำให้ยอดการขายหุ้นสะสมของต่างชาตินับจากต้นปีมีจำนวน 126,492 ล้านบาท
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตบลาดหุ้นไทย เช่นเดียวกับตบลาดหุ้นฮ่องกงและจีน เป็นการยืนยันว่า ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากหลายประเทศ
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์ทุกสำนักทำนายกันไว้ว่า ถ้าผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ออกมา ตลาดหุ้นไทยจะมีทิศทางความเคลื่อนไหวที่ชัดเจนขึ้น ไม่ฟื้นก็ฟุบ แต่ตลาดหุ้นเลือกที่จะฟุบ
ข่าวดีที่รอคอยมาหลายสัปดาห์หมดลงแล้ว ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ กลับเป็นแรงกดดันใหม่ เพิ่มปัจจัยลบให้ประเทศไทย ทั้งแรงกดดันจากนโยบายกีดกันทางการค้า และการเคลื่อนย้ายทุนกลับสหรัฐฯ จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์
ในระยะสั้นอย่างน้อยจากนี้ถึงสิ้นปี นักลงทุนต่างชาติคงไม่กลับ แต่อาจขายหุ้นออกต่อเนื่อง เคลื่อนย้ายทุนกลับสหรัฐฯ ซึ่งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า
ข่าวดีที่รอคอยไม่เหลือแล้ว และแม้จะมีกองทุนวายุภักษ์ ซึ่งอาจเหลือเงินลงทุนอีกประมาณ 1 แสนล้านบาท แต่อยู่ในฐานะที่คอยประคองตลาดหุ้นไม่ให้ฝันผวนรุนแรงเท่านั้น ไม่อาจปลุกหุ้นให้คืนสู่ความคึกคักเต็มรูปแบบได้
และเดือนธันวาคม แม้จะมีกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่นยืน หรือ TESG เกิดขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ แต่วงเงินที่จะเสริมเข้ามาในตลาดหุ้นมีประมาณ 2 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ไม่ได้ช่วยขับเคลื่อนดัชนีมากนัก
โบรกเกอร์หลายสำนัก ยังคงเป้าหมายดัชนีสิ้นปีที่ระดับเหนือกว่า 1,500 จุด แต่ปฏิกิริยาตอบรับชัยชนะของทรัมป์ที่ออกมาในเชิงลบ อาจดับความหวังของนักลงทุนที่รอคอยหุ้นฟื้น
เพราะไม่เห็นข่าวดีที่จะผลักดันให้ตลาดหุ้น กลับตัวสู่ขาขึ้นรอบใหญ่ในข่วงปลายปี และดีไม่ดี ดัชนีอาจย่ำฐานอยู่แถวระดับ 1,450 จุดก็ได้ ที่สพคัญคือ แนวโน้มตลาดหุ้นปีหน้า ซึ่งนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ระดับแนวหน้าบางคนประเมินแล้วว่า
ตลาดหุ้นปีหน้าอาจแย่กว่าปีนี้ ด้วยเหตุผลสนับสนุนเศรษฐกิจไม่ฟิ้น แนวโน้มหนี้เสียเพิ่มขึ้น และฝรั่งยังคงไม่กลับมา