หุ้นบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ก้าวขึ้นมาเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่ร้อนแรงที่สุด ราคาสร้างจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือมาร์เกตแคปสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา DELTA ทะยานขึ้นมาปิดที่ 148.50 บาท โดยระหว่างชั่วโมงซื้อขายขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ 150 บาท ทำให้มาร์เกตแคปเพิ่มเป็น 1.85 ล้านล้านบาท
มากกว่าบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ซึ่งมีมาร์เกตแคป 9.64 แสนล้านบาท และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ที่มีมาร์เกตแคป 8.96 แสนล้านบาท
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมมีจำนวน 18.42 ล้านล้านบาท โดยหุ้น DELTA เพียงตัวเดียวมีมาร์เกตแคปประมาณ 10.04% ของมาร์เกตแคปรวมของตลาด และมีน้ำหนักในการคำนวณดัชนี 148.75 จุด ดังนั้น การขึ้นหรือลงของ DELTA ทุก 1 บาท จะมีผลต่อการขึ้นลงของดัชนี 1.48 จุด
ในรอบ 12 เดือน ราคาหุ้น DELTA เคยลงไปต่ำสุดที่ 63.25 บาท ก่อนที่จะปรับตัวเป็นขาขึ้น จนสร้างจุดสูงสุดใหม่ในราคาปิดที่ 148.50 บาท และเป็นหุ้นที่มีมาร์เกตแคปสูงกว่าหุ้น PTT กว่า 4 เท่าตัว
การช่วงชิงหุ้นที่มีมาร์เกตแคปสูงสุดจาก DELTA คงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ DELTA ทิ้งห่างหุ้นตัวอื่นไปไกลชนิดไม่เห็นฝุ่น ยากที่จะมีหุ้นตัวใดโค่นแชมป์ได้
ผลประกอบการ DELTA เติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2564 มีกำไรสุทธิ 6,699.01 ล้านบาท ปี 2565 กำไรสุทธิ 15,344.55 ล้านบาท ปี 2566 กำไรสุทธิ 18,422.54 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรกปีนี้ มีกำไรสุทธิ 16,783.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13,711.15 ล้านบาท
แม้จะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง แต่เมื่อเทียบราคาหุ้นกับปัจจัยพื้นฐาน ถือว่าราคาหุ้น DELTA อยู่ในข่ายที่แพง โดยมีค่าพี/อี เรโช ประมาณ 86 เท่า ราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีประมาณ 6 เท่า ถือว่าสูง และอัตราเงินปันผลต่อประมาณ 0.30% เท่านั้น
มีคำถามว่า นักลงทุนเล่นอะไรอยู่กับ DELTA และราคาหุ้นที่พุ่งอย่างร้อนแรง ทำไมตลาดหลักทรัพย์จึงไม่ตรวจสอบ ใช้มาตรการกำกับการซื้อขายเพื่อดับความร้อนแรง
ตลาดหลักทรัพย์เคยตรวจสอบการซื้อขายหุ้น DELTA และปัจจุบันเชื่อว่า ยังเฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวอยู่
การตรวจสอบการซื้อขายที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ไม่พบความผิดปกติใดที่เข้าข่ายการสร้างราคา หรือการทำให้ราคาหุ้นไม่เคลื่อนไหวตามกลไกตลาด
สาเหตุอาจเป็นเพราะมูลค่าซื้อขายหุ้น DELTA ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนต่างชาติ โดยมีนักลงทุนรายย่อยตามแห่เข้าไปเก็งกำไรด้วย แต่สัดส่วนการซื้อขายอาจไม่มาก เมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายในแต่ละวัน
โครงสร้างผู้ถือหุ้น DELTA 10 อันดับแรก ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนสถาบัน โดยผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งคือ เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ สิงคโปร์ ในสัดส่วน 42.85% ของทุนจดทะเบียน มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 22,655 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 23.08%
การเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักในการคำนวณดัชนีสูงที่สุด DELTA จึงถูกใช้เป็นเครื่องมือชี้นำดัชนี โดยเฉพาะดัชนี 50 ซึ่งจะมีผลต่อการซื้อขายทำกำไรสัญญาล่วงหน้า SET50 หรือ SET 50 FUTURES รวมทั้งผลในการกระตุ้นราคาหุ้น DELTA บริษัทแม่ที่ไต้หวันด้วย
หลายครั้งที่หุ้น DELTA ทะยานขึ้นอย่างหวือหวา โดยไม่มีนักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายใด อธิบายถึงสาเหตุได้ นอกจากคาดเดาว่าน่าจะเกิดจากการลากราคาหุ้น เพื่อผลในการผลักดันดัชนี 50 และทำกำไรจากสัญญาซื้อล่วงหน้า SET50 ขึ้น หรือซื้อสัญญา LONG SET50
แม้ DELTA จะวิ่งมาไกลสุดกู่ เกินราคาเป้าหม้ายที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ประเมินไว้ แต่ไม่มีใครกล้าทำนายว่า หุ้นมาร์เกตแคปยักษ์ใหญ่ตัวนี้จะวิ่งไปอีกไกลถึงไหน
เพียงแต่สะกิดเตือนรายย่อย ระวังการเข้าไปเล่นกับ DELTA เพราะเป็นการเล่นกับไฟ พลาดท่าเงินในกระเป๋าจะถูกเผามอดไหม้