วายแอลจีชี้ทองคำยังมีทิศทางร้อนแรงต่อเนื่อง หลังพุ่งแตะ 2,790 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ประเมินยังไปได้ถึง 2,850 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ในปีนี้ และอาจไปต่อได้ถึง 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ในปี 68 ด้านทองคำแท่งในประเทศจะได้เห็น 50,000 บาท หากค่าเงินบาทยังอ่อนค่าต่อ มองภาพใหญ่ ทองคำยังขึ้นต่ออีก 2 ปี ส่งผลให้ย่อตัวลงได้ 100-150 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ แนะใช้เป็นโอกาสเข้าซื้อสะสม หรือเก็งกำไร
น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (ฟิวเจอร์ส) เปิดเผยว่า ราคาทองคำล่าสุดยังคงทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยมองว่าทิศทางในภาพใหญ่และเร็วๆ นี้ยังเป็นขาขึ้น แม้ล่าสุดได้ทำจุดสูงสุดใหม่ 2,790 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์แล้ว มองว่าหากสามารถทะลุเป้าหมายในปี 2567 นี้ได้ที่ 2,800-2,850 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ จะมีโอกาสขึ้นทดสอบเป้าหมายต่อไปที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ในปี2568
ขณะที่ทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศจะได้เห็นโซน 50,000 บาทต่อบาททองคำ หากค่าเงินบาทไม่ผันผวน และอ่อนค่าอีกเล็กน้อยมาที่โซน 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากทิศทางระยะ 2 ปี ทองคำยังเป็นขาขึ้น ปัจจัยบวกยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งหลักๆ มาจากนโยบายด้านอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่มีทิศทางเป็นขาลงอีก 2 ปี แม้ว่าจะมีการเลือกตั้งเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาในระยะสั้น แต่ในระยะยาวการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจนั้นยังต้องระมัดระวัง ดังนั้นแม้ระยะสั้นทองคำอาจผันผวนมากขึ้น แต่ในระยะถัดไปทองคำจะยังคงทำหน้าที่สินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงนโยบายยังไม่มีความชัดเจน
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ทองคำปรับตัวขึ้นในระยะยาว คือ ธนาคารกลางทั่วโลกที่เข้ามาสะสมทองคำต่อเนื่องในระดับที่มีนัยสำคัญ ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้าที่จะมีลักษณะการสะสมทองคำแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ปัจจุบันธนาคารกลางกลายเป็นผู้ซื้อทองคำในสัดส่วนถึงปีละ 25% มองว่าสาเหตุที่ธนาคารกลางสะสมทองคำอย่างต่อเนื่องในระยะนี้มาจากกระแสการลดการถือครองดอลลาร์สหรัฐของหลายๆประเทศ โดยเฉพาะกลุ่ม BRICS ที่มีท่าทีในความร่วมมือด้านการลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐในการค้าระหว่างประเทศเหล่านี้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน ปัจจัยที่จะต้องจับตาในความขัดแย้งตะวันออกกลางยังเป็นอีกปัจจัยหนุนทองคำ ถึงแม้จะเป็นปัจจัยที่ตลาดรับรู้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเหตุการณ์จะลุกลามขยายวงกว้างหรือไม่
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าทองคำจะมีปัจจัยสนับสนุนค่อนข้างมาก แต่ทุกครั้งที่ทองคำปรับตัวขึ้นไปถึงเป้าหมาย จะเกิดแรงเทขายทำกำไรค่อนข้างหนัก อาจจะปรับลดลงมาได้มากถึง 100-150 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากดูจากภาพใหญ่ที่จะยังเป็นขาขึ้นอีก 2 ปี การปรับลงในแต่ละครั้งจึงเป็นโอกาสทยอยสะสม หรือใช้เป็นโอกาสทำกำไรขายแล้วรอเข้าใหม่ โดยมองแนวรับที่ 2,650 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ แต่หากหลุดแนวรับนี้ มองแนวรับถัดไปที่ 2,430 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
ทั้งนี้ วายแอลจีได้ขยายการให้บริการลงทุนทองคำในสัญญาซื้อขายในตลาดฟิวเจอร์สให้ครบถ้วนมากขึ้น ล่าสุดวายแอลจีได้ออกโปรโมชันสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีกับ YLG Futures รับสิทธิใช้งาน trading View Essential Plan ที่จะมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้า 5 ด้าน 1.กราฟและอินดิเคเตอร์ครบครัน รวมถึง Volume Profile 2.เครื่องมือวาดรูปและฟีเจอร์ทางเทคนิค 3.การแจ้งเตือนราคา 4.ไอเดียเทรดจากคอมมูนิตี 5.ไม่มีโฆษณาและอีกจำนวนมาก
นอกจากนี้ วายแอลจีมองว่าการลงทุนสะสมแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ เพราะจะทำให้นักลงทุนสามารถสร้างวินัยการออม และเข้าถึงราคาทองได้หลากหลาย อีกทั้งปัจจุบันยังสามารถตั้งเวลาซื้อล่วงหน้าได้อีกด้วย สำหรับนักลงทุนมือใหม่วายแอลจีแนะนำแอปพลิเคชัน Get Gold ที่วายแอลจีเปิดให้บริการสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำโดยใช้เงินลงทุนเพียง 100 บาท ได้รับการตอบรับอย่างดี เนื่องจากตอบโจทย์การลงทุนของคนรุ่นใหม่ที่สามารถซื้อขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง เข้าถึงง่ายด้วยสมาร์ทโฟน และมีความน่าเชื่อถือ ด้านความปลอดภัย สามารถทำกำไรได้จริง
โดยผู้สมัครสามารถยืนยันตัวตนพร้อมยื่นเอกสารผ่านแอปพลิเคชัน รู้ผลอนุมัติได้ภายในวันเดียว และสามารถทำการซื้อขาย ทองคำได้ทันที เปิดให้ลงทุนเริ่มที่ 100 บาท ไปจนถึง 80 กิโลกรัมต่อ 1 วัน ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ที่App Store และ Play Store หรือโทร.0-2678-9888 #1