นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (30 ต.ค.) ที่ระดับ 33.66 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 33.77 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.55-33.80 บาท/ดอลลาร์ (ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ) โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นในลักษณะ Sideways Down (กรอบการเคลื่อนไหว 33.65-33.80 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำจนทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (All-Time High)
นอกจากนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาผสมผสาน โดยยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ลดลงสู่ระดับ 7.44 ล้านตำแหน่ง แย่กว่าคาด ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Conference Board Consumer Confidence) พุ่งขึ้นสู่ระดับ 108.7 จุด ดีกว่าคาดไปมาก ทำให้เงินดอลลาร์ไม่สามารถปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ ก่อนจะทยอยอ่อนค่าลงบ้างตามแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาด ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทชะลอลงแถวโซนแนวรับ 33.65 บาทต่อดอลลาร์ ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อน้ำมันดิบจากผู้เล่นในตลาด หลังราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วงระยะสั้น จากความกังวลผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางต่ออุปทานน้ำมันดิบที่ทยอยคลี่คลายลง
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานคาดการณ์ครั้งแรกของอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 รวมถึงรายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชน โดย ADP ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนและการประท้วงหยุดงานในช่วงเดือนตุลาคม ทำให้ยอดการจ้างงานภาคเอกชนมีโอกาสลดลงต่ำกว่าระดับ 1 แสนรายได้ ลดลงจากยอดการจ้างงานในเดือนกันยายน +1.4 แสนรายพอสมควร
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนผ่านรายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจยูโรโซนในไตรมาส 3 เช่นกัน พร้อมทั้งรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มดอกเบี้ย ECB
และในฝั่งไทย เรามองว่าผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามการส่งสัญญาณต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ผ่านงานสัมมนา Monetary Policy Forum ซึ่งทาง BOT อาจมีการลงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจและการตัดสินใจลดดอกเบี้ยในการประชุมล่าสุด
นอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่าผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะหุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง Microsoft และ Meta ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในช่วงคืนที่ผ่านมาได้ทำให้เงินบาทมีโอกาสชะลอการอ่อนค่าลงบ้าง และเงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเงินบาทยังคงมีโซนแนวต้านแถว 33.85 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวรับแรกจะอยู่ในช่วง 33.65 บาทต่อดอลลาร์ และมีแนวรับถัดไปแถว 33.50 บาทต่อดอลลาร์
เราประเมินว่าแม้เงินบาทจะพอได้แรงหนุนอยู่บ้างจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งอาจยังไม่เห็นการปรับฐานของราคาทองคำที่ชัดเจนต่อเนื่องและรุนแรง จนกว่าตลาดจะรับรู้ทั้งรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ข้อมูลตลาดแรงงาน และผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ทว่า ควรระวังความผันผวนของราคาทองคำที่จะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของเงินบาท ดังจะเห็นในช่วงที่ผ่านมา ราคาทองคำมีจังหวะย่อตัวลงพอสมควร ก่อนที่จะรีบาวนด์ขึ้นกลับสู่ระดับก่อนย่อตัวลงได้ ทำให้เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนพอสมควร นอกจากนี้ เรามองว่าการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากบรรดานักลงทุนต่างชาติยังมีโอกาสทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม อีกทั้งในช่วงนี้บรรดาผู้เล่นในตลาดอย่างฝั่งผู้นำเข้าต่างรอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ ในจังหวะเงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้าง และที่สำคัญ เงินดอลลาร์พร้อมจะกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกได้ตามการเพิ่มสถานะของผู้เล่นในตลาดให้สอดคล้องกับธีม Trump Trades
อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ยังเสี่ยงเผชิญความผันผวนแบบ Two-Way Volatility ซึ่งจะขึ้นกับการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หลังรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเราขอย้ำว่า ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อาจมีความผันผวนและอาจเห็นภาพการจ้างงานที่ลดลงพอสมควรจากเดือนกันยายนได้ เนื่องจากผลกระทบของทั้งพายุเฮอร์ริเคน และการประท้วงหยุดงาน