“นัตตี้” นักต้มคนอยากรวยหุ้น / สุนันท์ ศรีจันทรา

หลังจากหอบเงินจากการหลอกต้มลงทุนในหุ้นและตราสารอนุพันธ์หนีออกนอกประเทศไปพักใหญ่ น ส.สุชาตา หรือนัตตี้ ไดอารี่ ยูทูเบอร์ชื่อดัง พร้อมมารดาก็ถูกจับกุมที่ประเทศอินโดนีเชีย และส่งกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย

นัตตี้ผันตัวจากอดีตนักร้อง มาเป็นยูทูบเบอร์ เจ้าของช่อง Nutty’s Diary มีผู้ติดตามกว่า 8 แสนคน และเริ่มต้นชักชวนประชาชนลงทุนในหุ้นและตราสารอนุพันธ์ โดยโฆษณาชวนเชื่อว่า ตัวเองได้กำไรมากจากการซื้อขายหุ้น ส่วนผู้ร่วมลงทุนจะได้รับผลตอบแทนมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุดของสถาบันการเงิน

นอกจากนั้น ยังอ้างว่าเป็นโค้ชสอนการลงทุนที่มีใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สามารถสอนหรืออบรมการลงทุนในตลาดหุ้นได้

ปรากฏว่า การโฆษณาชวนเชื่อของนัตตี้ มีประชาชนกว่า 6 พันรายหลงเชื่อ และโอนเงินเข้าร่วมลงทุนรวมกว่า 2,000 ล้านบาท ผ่านบริษัท สุชาตาที่อ้างว่าได้รับอนุญาตจัดตั้งจาก ก.ล.ต.

เงินกว่า 2,000 ล้านบาท ที่หลอกลวงให้ประชาชน ไม่ได้ถูกนำไปลงทุนในตลาดหุ้นแต่อย่างใด แต่ถูกหอบออกไปต่างประเทศ พร้อม น ส.นัตตี้ ซึ่งประชาชนที่ถูกหลอก ทยอยเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดี น.ส.นัตตี้ ตั้งแต่กลางปี 2565

การหลอกให้ร่วมลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนแชร์ลูกโซ่ เมื่อเกิดเป็นข่าวฉาวโฉ่ สังคมจึงรู้ว่ามีผู้เสียหายนับหมื่นนับพันราย มูลค่าเสียหายหายพันหลายหมื่นล้านบาท มีคำถามตามมาเสมอ ทำไมบรรดาเหยื่อจึงหลงเชื่อพวก 18 มงกุฎ ยอมโอนเงินหลายแสนหลายล้านบาทให้ง่ายๆ โดยไม่เฉลียวใจว่าถูกหลอก

ความโลภเป็นต้นตอใหญ่ที่นำพาไปสู่หายนะ ความเชื่อและความศรัทธา เป็นอีกองค์ประกอบที่บังตาประชาชน จนมองข้ามความเป็นจริงว่า การจ่ายอัตราผลตอบแทนการลงทุนที่สูงลิบ ในโลกความจริงเป็นไปไม่

การลงทุนในธุรกิจที่ถูกต้อง ไม่ใช่ธุรกิจสีเทา หรือธุรกิจมืด ไม่มีการลงทุนในธุรกิจไหนที่ให้ผลตอบแทนเดือนละกว่า 10% ได้

การอ้างผลตอบแทนจากการลงทุนสูงกว่า 10% ต่อเดือน จึงเป็นเรื่องแหกตาทั้งสิ้น

นักต้มตุ๋นแชร์ลูกโซ่มักจะอ้างอัตราผลตอบแทนสูง เช่น การลงทุนในแต่ละเดือนจะมีผลตอบแทนระดับ 20-30% และจ่ายได้จริงในเดือนแรกๆ จนเหยื่อตายใจ เพิ่มเงินลงทุนหรือชักชวนเพื่อนและญาติพี่น้องมาร่วมลงทุน

เมื่อระดมเงินก้อนโตได้ แก๊งต้มตุ๋มจะหอบเงินหนี เช่นเดียวกับ น.ส.นัตตี้ และทิ้งความเสียหายให้ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อ

ถ้ารวมประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งต้มตุ๋น ในลักษณะแชร์ลูกโซ่ หรือในรูปแบบอื่น น่าจะมีหลายแสนราย วงเงินความเสียหายน่าจะสูงหลายแสนล้านบาท

การต้มตุ๋นโดยหลอกให้ลงทุนในรูปแบบแชร์ลูกโซ่ เป็นข่าวโด่งดังต่อเนื่องมาหลายสิบปีแล้ว แต่ไม่น่าเชื่อว่าการหลอกลวงให้ลงทุนยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยเหยื่อไม่มีเฉพาะชาวบ้านที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารเท่านั้น แต่คนมีความรู้ระดับด็อกเตอร์ นักธุรกิจ หรือคนระดับเศรษฐีที่ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจยังถูกหลอกด้วย

การหลอกตุ๋นเงิน อ้างว่าจะนำมาลงทุนในตลาดหุ้น ไม่ได้เกิดเฉพาะคดี "นัตตี้" เท่านั้น แต่เกิดขึ้นหลายคดีแล้ว ทั้งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น

เพราะเหยื่อ "นัตตี้" กว่า 6 พันราย สามารถตรวจสอบข้อมูลว่า น.ส.นัตตี้ มีใบอนุญาตเป็นโค้ชสอนการลงทุนจริงหรือไม่ บริษัท สุชาตาได้รับอนุญาตจัดตั้งจาก ก.ล.ต.จริงหรือไม่

แต่ทำไมไม่มีใคร "เอ๊ะ" ในข้อมูลแหกตาของ "นัตตี้" แม้แต่รายเดียว

นักลงทุนที่มีประสบการณ์การลงทุนในตลาดหุ้น อาจตั้งคำถามว่า ทำไมเหยื่อของ “นัตตี้” จึงถูกหลอกง่าย เพราะการลงทุนในตลาดหุ้น สามารถตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างได้ ถ้าขวนขวายตรวจสอบข้อมูลสักนิด คงไม่สูญเงินให้แก๊ง 18 มงกุฎที่อยู่นอกตลาดหุ้น

แต่นักลงทุนอาจลืมใปว่า ในตลาดหุ้นก็เป็นที่สิงสถิตของบรรดา 18 มงกุฎ ซึ่งคุยโม้ สร้างภาพเพ้อฝัน โฆษณาชวนเชื่อ แต่งข้อมูลเท็จ หลอกต้มนักลงทุนมานับคดีไม่ถ้วนแล้ว

จริงๆ แล้ว การต้มตุ๋นนักลงทุนในตลาดหุ้นมีมากมายกว่าคดีแชร์ลูกโซ่เหลือคณานับ

เพียงแต่การกล่าวโทษดำเนินคดีกับแก๊งต้มตุ๋นในตลาดหุ้น เป็นคดีส่วนน้อยนิด เมื่อเทียบกับการต้มตุ๋นที่เกิดขึ้นจริงในตลาดหุ้น

ยังมีแก๊งมิจฉาชีพแฝงตัวในตลาดหุ้นอีกมากมาย และยังเป็นปฏิบัติการหลอกลวงต้มตุ๋นนักลงทุนต่อไป โดยไม่มีหน่วยงานใดกวาดล้างให้สิ้นซากได้

นักลงทุนในตลาดหุ้นจึงอย่าย่ามใจว่า ลงทุนในตลาดหุ้นจะปลอดภัย ไม่ถูกโกง

เพราะตลาดหุ้นเต็มไปด้วยพวกขี้โกงในคราบคนทุกกลุ่มอาชีพที่เกี่ยวข้องในตลาดหลักทรัพย์ และโกงกันมาหลายสิบปีแล้ว โกงจนนักลงทุนหมดตัวนับไม่ถ้วน