กำลังเป็นข่าวครึกโครมสำหรับนักร้องเรียนชื่อดังที่ตบทรัพย์บอสพอล "ดิไอคอน" จำนวน 10 ล้านบาท โดยมีคลิปเสียงและภาพการเรียกรับเงินเป็นหลักฐานการเปิดโปงพฤติกรรมและนำไปสู่การดำเนินคดี
การเรียกตบทรัพย์คนที่ทำธุรกิจ ทั้งธุรกิจสีเทาหรือธุรกิจที่สุจริตเกิดขึ้นในวงกว้าง ซึ่งนักธุรกิจส่วนใหญ่ยินยอมจ่ายเงิน เพราะไม่ต้องการมีปัญหา บรรดานักร้องจึงฮึกเหิม อาละวาดรีดไถตบทรัพย์ไปทั่ว โดยเฉพาะผู้ที่ทำธุรกิจสีเทา หรือธุรกิจที่มีความเปราะบางในเรื่องความเชื่อมั่น
ในตลาดหลักทรัพย์ การตบทรัพย์บริษัทจดทะเบียน การรีดไถบริษัทหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์เกิดขึ้นมายาวนานนับสิบปี โดนนักตบทรัพย์ไม่ใช่นักร้องเรียนเหมือนกรณี “ดิไอคอน” แต่กลายเป็นคนที่สวบคราบสื่อหุ้น
ตลาดหุ้นเป็นศูนย์รวมของมิจฉาชีพในรูปแบบต่างๆ บางคนสถาปนาตัวเองเป็นกูรูหุ้น อวดอ้างเป็นอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญหุ้นรายตัว หากินจากการสัมมนา เรียกหาสมาชิก เก็บอัตราค่าสมาชิกสูงลิบ โดยสร้างจุดขายจากการแจกหุ้นทีเด็ด และมีนักลงทุนหน้าใหม่ๆ ตกเป็นเหยื่อไม่น้อย
คนที่อวดอ้างเป็นกูรูหุ้นหลายคนร่ำรวยมีฐานะ จากการเก็บค่าสมาชิกหรือการจัดสัมมนาใบ้หุ้นรายตัว แต่นักลงทุนที่หลวมตัวเข้าไปเป็นสมาชิกส่วนใหญ่ถูกหลอกกินเงิน เช่นเดียวกับการหากินในรูปแบบแชร์ลูกโซ่ "ดิไอคอน"
คำว่า “หุ้นทีเด็ด” อาจพูดกันเล่นๆ ในวงสนทนาของนักลงทุนได้ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงไม่มี "หุ้นทีเด็ด" เพราะถ้าบรรดากูรูหุ้นที่หากินกับนักลงทุนจากเงินค่าสมาชิกมี “หุ้นทีเด็ด” จริง ทำไมบรรดากูรูหุ้นพวกนี้ไม่ขายบ้าน ขายรถ ขายทุกอย่าง และนำเงินทั้งหมดไปซื้อ “หุ้นทีเด็ด” ซึ่งจะได้รวยคนเดียว
ไม่ต้องมาบอกบุญกับนักลงทุน ไม่ต้องแหกปาก หรือ “แหกตา” โฆษณาชวนเชื่อเรื่อง “หุ้นทีเด็ด” ชักชวนให้เป็นสมาชิก หลอกกินเงินชาวบ้าน
ความรู้ไม่เท่าทัน จึงมีประชาชนตกเป็นเหยื่อ “ดิไอคอน” เช่นเดียวกับนักลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งไม่ได้รู้เล่ห์ 18 มงกุฎ จึงตกเป็นเหยื่อนักสร้างภาพ สถาปนาเป็นกูรูหุ้นที่มี "หุ้นทีเด็ด" และคุยโม้ว่าจะทำให้นักลงทุนรวยเร็ว
กลุ่มคนที่สวมคราบความเป็นสื่อฝังตัวอยู่ในตลาดหุ้นมานานแล้ว เปิดปฏิบัติการตบทรัพย์บริษัทโบรกเกอร์ หรือบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนใหม่ โกยเงินปีละนับสิบๆ ล้านบาท
สื่อหุ้นบางสำนักทำตัวเป็นเจ้าพ่อ ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนหรือผู้บริหารบริษัทโบรกเกอร์ต้องยอมก้มหัวคารวะ ต้องจัดงบอุดหนุนสื่อ
ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนบางรายต้องส่งส่วยเงินปีละหลายหมื่นบาทให้สื่อหุ้นบางสำนัก แลกกับการไม่ถูกรังควาน ไม่ถูกโจมตี ทั้งที่ฐานะกิจการของตัวเองย่ำแย่ ราคาหุ้นตกต่ำติดดิน
บริษัทโบรกเกอร์หลายแห่งต้องจัดงบให้สื่อหุ้นบางสำนัก ถือเป็นเงินฟาดหัวสุนัข เพราะไม่อยากมีปัญหา ถูกหาเรื่องเขียนข่าวโจมตีจนกระทบการทำธุรกิจ
หุ้นบริษัทจดทะเบียนใหม่ สื่อบางสำนักตั้งกฎไว้ว่า ทุกบริษัทต้องจ่ายในรูปแบบโฆษณาสนับสนุน รายละประมาณ 5 แสนบาท ใครไม่จ่ายมีปัญหา เพราะจะถูกขุดคุ้ย หาเรื่องโจมตี เพื่อทำลายความเชื่อมั่นนักลงทุน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเสนอขายหุ้นและการนำหุ้นเข้าซื้อขาย
สื่อหุ้นบางสำนักวางตัวเหมือนอันธพาลประจำตลาดหุ้น สร้างอาณาจักรแห่งความกลัวไปทั่ว จนผู้บริหารจดทะเบียนบางรายต้องควักเงินจากกระเป๋าตัวเอง ส่งส่วยรายปีให้สื่อหุ้น
ใครที่ไม่ยอมก้มหัว รีดไถแล้วไม่ยอมจ่าย จะถูกสื่อหุ้นรุมจิกตีอย่างต่อเนื่องดั่งลูกระนาด ทั้งการเขียนข่าว ทั้งการเขียนคอลัมน์ หรือข่าวสังคมซุบซิบ โดยรุมสกรัมโจมตีเอาให้ตาย เว้นแต่คนที่ยอมก้มหัวคารวะ จัดงบปิดปาก จึงถือเป็น “พวก” และได้รับยกเว้นการโจมตี
รวมทั้งหุ้นใหม่ที่ตั้งราคาเสนอขายหุ้นสูงเกินจริง และเมื่อหุ้นเข้าซื้อขาย ราคาต่ำกว่าจอง นักลงทุนได้รับความเสียหาย แต่จะไม่ถูกโจมตีจากสื่อหุ้น นอกจากนั้นยังเขียนข่าวแก้ตัวให้หุ้นใหม่อีกด้วย
นักสร้างภาพเป็นคนดี ทำงานเพื่อส่วนรวม แต่เบื้องหลังเป็นนักตบทรัพย์มีอยู่ในทุกวงการวิชาชีพ โดยนักร้องเรียนตบทรัพย์ “ดิไอคอน” กำลังถูกเปิดโปงกระชากหน้ากากออกมา และตัวตนที่แท้จริงคือพวก 18 มงกุฎ
ส่วนนักรีดไถที่ฝังตัวใตลาดหุ้น โดยสวมคราบความเป็นสื่อ เที่ยวรังควานไปทั่ว ยังไม่มีใครกระชากหน้ากากออกมา
แต่สักวันหนึ่งอาจมีผู้บริหารโบรกเกอร์หรือบริษัทจดทะเบียนซึ่งทนพฤติกรรมที่น่าสะอิดสะเอียนของสื่อหุ้นบางสำนักไม่ไหว ไม่ยอมก้มหัวต่อไป และลุกขึ้นมาเปิดโปงความชั่วร้ายให้สาธารณชนรับรู้
วันนั้นสื่อหุ้นนักตบทรัพย์ และไร้สำนึกในจริยธรรมจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ ไม่ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อส่วนรวม คงไม่มีที่ยืนตลาดหุ้น และถูกสังคมรุมประณาม เช่นเดียวกับนักร้องที่ตบทรัพย์ “ดิไอคอน”