xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 33.78 ยังคงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย 
เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (24 ต.ค.) ที่ระดับ 33.78 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงหนักจากระดับปิด ณ วันอังคารที่ 22 ตุลาคม ที่ระดับ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.65-33.90 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันอังคารที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่อง (กรอบการเคลื่อนไหว 33.47-33.85 บาทต่อดอลลาร์) จนทะลุแนวต้าน 33.65 บาทต่อดอลลาร์ที่เราประเมินไว้ โดยเงินบาทยังคงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ซึ่งยังคงได้แรงหนุนจากมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด รวมถึงการเพิ่มสถานะ Long USD เพื่อเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งสหรัฐฯ

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่ล่าสุดได้อ่อนค่าต่อเนื่อง จนมีจังหวะอ่อนค่าทะลุโซน 153 เยนต่อดอลลาร์ ตามส่วนต่างบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และญี่ปุ่นที่เพิ่มสูงขึ้น และนอกเหนือจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะปรับฐาน (Correction) หลังราคาทองคำมีจังหวะปรับตัวลงแรงกว่า -40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงคืนที่ผ่านมา เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดที่ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำต่างทยอยเข้าซื้อทองคำในช่วงดังกล่าว

สำหรับวันนี้ ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (Manufacturing and Services PMIs) เดือนตุลาคม ของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ทั้ง สหรัฐฯ ยูโรโซน อังกฤษ และญี่ปุ่น เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลัก นอกจากนี้ ในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) เพื่อประเมินสภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่เป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจนโยบายการเงินของเฟด

และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่าผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และแนวโน้มการเลือกตั้งสหรัฐฯ

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงมั่นใจต่อมุมมองเดิมที่ประเมินแนวโน้มเงินบาททยอยอ่อนค่า (เรา call USDTHB bottom แถว 32 บาทต่อดอลลาร์ ณ วันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา) หลังเงินบาทได้อ่อนค่าลงต่อเนื่องจนทะลุโซนแนวต้าน 33.65 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งทำให้ในเชิงเทคนิคัล เงินบาท (USDTHB) อาจทำ Cup with Handle หรือ Trend Change ใน Time Frame รายวันได้สำเร็จ เปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถอ่อนค่าลงต่อเนื่องไปถึงโซน 34.00-34.25 บาทต่อดอลลาร์ได้ไม่ยาก หากปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่ายังคงดำเนินต่อไป เช่น เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามแนวโน้มการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาดให้สอดคล้องกับธีม Trump Trades รวมถึงบรรดานักลงทุนต่างชาติต่างยังคงเดินหน้าขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม ท่ามกลางบรรยากาศปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน นอกจากนี้ เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อสกุลเงินต่างประเทศ อย่างเงินเยนญี่ปุ่น (JPYTHB) หลังเงินเยนได้มีจังหวะอ่อนค่าลง โดย เราประเมินว่า เงินเยนญี่ปุ่นได้อ่อนค่าลงมาเกินปัจจัยพื้นฐานพอสมควร และยังมีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าขึ้นได้มากกว่าเงินบาท ทำให้เราคงแนะนำ Buy on Dip JPYTHB ซึ่งในช่วงนี้ สัญญาณเชิงเทคนิคัลอย่าง RSI Bullish Divergence ก็สะท้อนโอกาสที่เงินเยนญี่ปุ่น JPYTHB อาจแข็งค่าขึ้น

อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทอาจมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากราคาทองคำยังมีโอกาสรีบาวนด์สูงขึ้น หลังผู้เล่นในตลาดยังคงต้องการถือทองคำในช่วงเผชิญความไม่แน่นอนของทั้งการเลือกตั้งสหรัฐฯ สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน อีกทั้งผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจรอทยอยขายเงินดอลลาร์ในจังหวะที่เงินบาทอ่อนค่าลงแถวโซนแนวต้านใหม่ 33.85 บาทต่อดอลลาร์

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลดัชนี PMI ของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก โดยเฉพาะสหรัฐฯ เพราะหากดัชนี PMI ออกมาแย่กว่าคาดอาจทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมาเพิ่มโอกาสเฟดลดดอกเบี้ยต่อเนื่องมากขึ้น กดดันทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้บ้าง ซึ่งอาจเห็นการรีบาวนด์สูงขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำและการกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินบาทได้
กำลังโหลดความคิดเห็น