มินนิอาโปลิส, สหรัฐอเมริกา – ธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขามินนิอาโปลิสได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของบิทคอยน์ต่อเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ โดยเสนอแนะว่ารัฐบาลควรพิจารณาการเก็บภาษีบิทคอยน์หรือแม้แต่ห้ามใช้บิทคอยน์อย่างสิ้นเชิง
ในรายงานวิจัยฉบับล่าสุด ธนาคารกลางฯ อธิบายว่าบิทคอยน์สร้างความท้าทายต่อการดำเนินนโยบายการเงินของรัฐบาล เนื่องจากเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของธนาคารกลาง ทำให้รัฐบาลไม่สามารถควบคุมปริมาณเงินในระบบได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ บิทคอยน์ยังอาจดึงดูดเงินลงทุนออกจากสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น หุ้นและพันธบัตรรัฐบาล ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินโดยรวม
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ธนาคารกลางฯ จึงเสนอแนวทางสองประการ ได้แก่
การเก็บภาษี บิทคอยน์: การเก็บภาษีจากการซื้อขายหรือถือครองบิทคอยน์จะช่วยลดความน่าสนใจในการลงทุนใน บิทคอยน์และนำรายได้เข้ารัฐ
การห้ามใช้บิทคอยน์: การห้ามใช้ บิทคอยน์อย่างสิ้นเชิงจะเป็นการตัดปัญหาที่ต้นเหตุ แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อนวัตกรรมและเสรีภาพทางเศรษฐกิจ
เปิดแบบสำรวจ รับฟังกระแสตอบรับ
ข้อเสนอแนะของธนาคารกลางฯ ได้สร้างความเห็นที่แตกต่างกันในวงกว้าง ผู้สนับสนุนบิทคอยน์ มองว่าการห้ามหรือเก็บภาษีบิทคอยน์เป็นการแทรกแซงเสรีภาพในการค้าและขัดขวางนวัตกรรมทางการเงิน ในขณะที่ผู้ที่กังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของบิทคอยน์ เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะนี้ โดยมองว่าเป็นการจำเป็นเพื่อปกป้องระบบการเงิน
หวั่นความเสี่ยงกระทบเสถียรภาพการเงิน
การออกมาแสดงจุดยืนของธนาคารกลางฯ สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่รัฐบาลทั่วโลกกำลังเผชิญในการควบคุมสกุลเงินดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แม้ว่าบิทคอยน์จะมีศักยภาพในการปฏิวัติวงการการเงิน แต่ก็ยังมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอยู่มาก การหาจุดสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมและการรักษาเสถียรภาพทางการเงินจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง
อนาคตของบิทคอยน์
อย่างไรก็ดีอนาคตของบิทคอยน์ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง การตัดสินใจของรัฐบาลต่างๆ จะมีผลกระทบอย่างมากต่อการเติบโตของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี นักลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องกับ บิทคอยน์ควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น