ในวงการคริปโตของประเทศไทยหากเอ่ยชื่อ "เทรดเดอร์หน้าหมีฯ" น่าจะเป็นชื่อที่คนในสื่อโซเชียลมีเดีย และแวดวงการลงทุนคริปโตต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี จากการเป็นอินฟลูเอนเซอร์สายเทรด ที่มักชอบแบ่งปันประสบการณ์การลงทุน โดยเฉพาะกับเหรียญ KUBCOIN ที่เคยมีโอกาสทำกำไรให้เขาได้มากถึง 200 ล้านบาท แต่ด้วยการตัดสินใจไม่ยอมขายเมื่อราคาพุ่งสูง โดยหวังว่าราคาจะไต่หน้าผาขึ้นไปได้อึก สุดท้ายกำไรเหล่านั้นจึงกลายเป็นเพียง "กำไรทิพย์...ที่ยังไม่ได้สัมผัส"
จุดเริ่มต้นและการลงทุนในเหรียญ KUB
"หมีเทรดเดอร์" เริ่มต้นถือครองเหรียญ KUBCOIN โดยมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 22 บาทต่อเหรียญ โดยได้ลงทุนซื้อเหรียญ KUBCOIN ประมาณ 200,000 เหรียญ ซึ่งในช่วงแรกนั้น ราคาเหรียญยังไม่ปรับตัวมากนัก และเจ้าตัวเองก็เชื่อมั่นในศักยภาพของมัน และรอคอยการทำกำไรในอนาคต
บทเรียนการเสตคเหรียญ ทำให้พลาดโอกาสครั้งใหญ่
ต่อมาเมื่อ Bitkub มีการเปิดตัว Bitkub Next หมีเทรดเดอร์ ได้ตัดสินใจเสตคเหรียญ KUB ส่วนใหญ่ เพื่อหวังรับผลตอบแทนจากการเสตค แต่กลับกลายเป็นว่า การตัดสินใจดังกล่าว เป็นการตัดสินใจพลาดโอกาสครั้งสำคัญ "เมื่อราคาเหรียญ KUB พุ่งขึ้นไปถึง 500 บาท" ซึ่งหากขายในตอนนั้น เขาจะได้กำไรมหาศาลกว่า 200 ล้านบาท แต่เพราะเหรียญถูกเสตค ทำให้ "หมีเทรดเดอร์" ไม่สามารถขายเหรียญออกได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่ได้กำไรจากการขายแบบก้าวกระโดด แต่ "หมีเทรดเดอร์" ก็ยังได้รับผลตอบแทนจากการเสตคประมาณ 2 ล้านบาท
วิเคราะห์ตลาดและหาจังหวะทำกำไรจากการซื้อขาย
แม้จะพลาดโอกาสทำกำไรในครั้งใหญ่นั้นแต่ "หมีเทรดเดอร์" ก็ยังมีเหรียญบางส่วนที่ไม่ได้เสตคและสามารถขายเหรียญที่ไม่ได้เสตค ซึ่งทำกำไรได้ประมาณ 10 ล้านบาท จากนั้นเมื่อราคาเหรียญลดลงมาเหลือ 380 บาท "หมีเทรดเดอร์" ก็กลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง และเมื่อราคาเหรียญพุ่งสูงขึ้นไปถึง 580 บาท เขาก็สังเกตเห็นสัญญาณการเคลื่อนไหวของเจ้ามือ และตัดสินใจขายออกมา ทำให้เขาทำกำไรได้เพิ่มเติมอีก 10 ล้านบาท รวมแล้ว "หมีเทรดเดอร์" ยังทำกำไรได้ทั้งหมดกว่า 20 ล้านบาทจากการหาจังหวะทำกำไรเข้าและออกจากตลาดอย่างชาญฉลาด
แม้ว่าจะพลาดโอกาสทองในการทำกำไรสูงถึง 200 ล้านบาท แต่ความสามารถในการวิเคราะห์และจับจังหวะของ "หมีเทรดเดอร์" ทำให้เขายังสามารถสร้างกำไรจริงได้กว่า 20 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจสำหรับนักลงทุนในวงการ
ที่มา : เพจ "เทรดเดอร์หน้าหมีแต่ชอบหมา"