"จี-ยู ครีเอทีฟ" จัดมหกรรมญี่ปุ่นฉลองครบรอบ 1 ทศวรรษ "JAPAN EXPO THAILAND 2568" คาดเงินสะพัดกว่า 1 พันล้านบาท ทุ่มทุนเนรมิตในทุกมิติ พร้อมต่อยอดตลาดญี่ปุ่นทองหล่อ ยกระดับ รองรับการเติบโตสู่ภูมิภาคเอเชีย
น.ส.ยุพเรศ เอกธุระประคัลภ์ ประธานกรรมการบริษัท จี-ยู ครีเอทีฟ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทออแกไนซ์ที่ก่อตั้งมานานกว่า 15 ปีกล่าวว่า “จากการจัดงาน JAPAN EXPO THAILAND ในตลอด 10 ปีที่ผ่านมาได้การตอบรับทั้งจากชาวไทย และชาวญี่ปุ่น รวมถึงนานาประเทศได้เป็นอย่างดีมากขึ้นทุกๆ ปี โดยปีล่าสุด 2567 มีคนเข้าร่วมงานหมุนเวียนทั้งสิ้นกว่า 700,000 คน สามารถสร้างมูลค่าการหมุนเวียนกว่า 1 พันล้านบาท สำหรับงาน JAPAN EXPO THAILAND 2568 ที่จะถึงนี้ครบรอบ 1 ทศวรรษ จี-ยู ครีเอทีฟ ซึ่งบริษัทพร้อมผนึกกำลังพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนจัดงานอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง
"เราจัด Japan Expo ขึ้นเป็นประจำทุกปีในประเทศไทยโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอสินค้า วัฒนธรรม และความบันเทิงจากประเทศญี่ปุ่นสู่ผู้บริโภคชาวไทย ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา Japan Expo ประสบความสำเร็จอย่างมาก สามารถดึงดูดผู้เข้าชมงานได้กว่า 700,000 คนในเวลาเพียง 3 วัน โดยเราได้ทุ่มทุนกว่า 100 ล้านบาท เนรมิตทุกพื้นที่ภายในงานให้ครบทุกมิติ ทั้งในด้านความร่วมมือทางธุรกิจ การลงทุน อสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งการท่องเที่ยว การศึกษา วัฒนธรรม แฟชั่น อาหาร และความบันเทิง สร้าง SOFT POWER อย่างต่อเนื่อง และให้ทุกคนได้สัมผัสบรรยากาศเหมือนกับได้อยู่ที่ญี่ปุ่นจริงๆ" น.ส.ยุพเรศ กล่าว
ทั้งนี้ จากการที่ประเทศไทย และประเทศญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์อันดีมายาวนาน มีการแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น เป็นตลาดที่มีศักยภาพ และน่าจะเป็นตลาดที่มีอนาคตอันดี สำหรับประเทศไทย เราพร้อมมุ่งเน้นส่งเสริมสนับสนุนการตลาดให้เติบโต และเป็นที่ยอมรับก้าวสู่ทศวรรษหน้า กับการจัดงาน JAPAN EXPO THAILAND 2568 ช่วยยกระดับความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ รองรับการเติบโต เพื่อเปิดประตูสู่อนาคต ไทย-ญี่ปุ่นอย่างแท้จริง เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์มุ่งหวังให้งานนี้ได้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนภาคธุรกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น โดยคาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นกว่า 2,000 คน อีกทั้งนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ เช่น จีน ไต้หวัน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และชาวยุโรปบินตรงเพื่อเข้าร่วมงาน สร้างมูลค่าการจับจ่ายในประเทศไทยได้กว่า 500 ล้านบาท
ขณะที่งาน JAPAN EXPO THAILAND ซึ่งจัดขึ้นในทุกปีได้ดึงดูดผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นให้บินมาร่วมงานเพื่อจัดแสดงสินค้า สำรวจและวิจัยตลาด และมีการจัด Business Matching (B2B) ภายในงานเพื่อผลักดันให้เกิดการลงทุนในประเทศไทย และเชื่อมโยงความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมีการจัดกิจกรรม Fan Club Tour เพื่อติดตามศิลปิน ทำให้เกิด First Visit เดินทางมาประเทศไทย ตลอดจนมีการโปรโมตกิจกรรม การร่วมงานผ่านสื่อในช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะ Social Media จากผู้มีอิทธิพลทางสื่อทุกแขนง ศิลปินชาวญี่ปุ่น ศิลปินชาวไทย รวมถึงผู้เข้าร่วมงานที่มากันเป็นจำนวนมาก ทำให้เป็นการโปรโมตการรับรู้ไปทั่วโลกอีกด้วย” น.ส ยุพเรศ กล่าวถึงภาพรวมของความสำเร็จที่ผ่านมา
นอกจากนั้น บริษัท จี-ยู ครีเอทีฟ จำกัด ยังได้ต่อยอดธุรกิจระหว่างไทยและญี่ปุ่นไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวอาณาจักรแห่งใหม่ ณ "ตลาดญี่ปุ่นทองหล่อ" จากวิสัยทัศน์สู่การพัฒนาธุรกิจทั้ง B2B และ B2C ที่จะเป็นศูนย์กลางรวมสินค้านำเข้า ตลอดจนวัตถุดิบเกรดพรีเมียม สดใหม่วันเว้นวัน ส่งตรงมาจากตลาดปลาซึกิจิ 築地市場, Tsukiji Fish Market จากประเทศญี่ปุ่น เช่น ปูทาระบะแบบเป็นๆ (Tarabagani) ปลาคินเมะได ปลาอามะได ปลาซันมะ ปลาคามาสึ ปลาโอ ปลาอุสุบาฮางิ หอยนางรม Hiroshima เนื้อวัวเกรดพรีเมียม ผัก-ผลไม้สด รวมทั้งผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของดีแต่ละจังหวัดมารวมไว้ที่นี่ ซึ่งจะเปิดบริการทุกวันยันเที่ยงคืน เอาใจสายกินดึก
“ในอนาคตเราคาดหวังว่าตลาดปลาญี่ปุ่นทองหล่อ จะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางเมืองย่านสุขุมวิท สำหรับคนไทย คนญี่ปุ่นและคนต่างชาติที่ชื่นชอบอาหาร และสินค้าจากประเทศญี่ปุ่นต้องมาเช็กอินใช้บริการเป็นประจำ ในปี 2568 เรามุ่งมั่นที่จะให้ตลาดญี่ปุ่นทองหล่อนี้เป็นแหล่งรวมของดีมีคุณภาพอย่างแท้จริง จะมีทั้งโซนจำหน่ายสินค้า โซนปรุงอาหารโดยเชฟผู้เชี่ยวชาญ สามารถเลือกวัตถุดิบสดๆ มีโซนนั่งทาน โซนการเรียนรู้ (Learning Experience) โซนบริการต่างๆ และเราทำให้เป็น Omni Channel Market ที่ลูกค้าสามารถมาเลือกซื้อได้ที่หน้าร้าน หรือสามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ บริการจัดส่งถึงหน้าบ้าน เราตื่นเต้นและยินดีต้อนรับทุกท่านที่จะมาสัมผัสประการณ์ใหม่ๆ ร่วมกันที่ตลาดญี่ปุ่นทองหล่อแห่งนี้นะคะ” น.ส.ยุพเรศ กล่าว
ขณะที่ปัจจัยสำคัญหลายประการที่ผลักดันความสำเร็จดังกล่าว
1.ความหลากหลายของเนื้อหา
Japan Expo ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่สินค้าหรือวัฒนธรรมบางประเภท แต่ครอบคลุมเนื้อหาที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความสนใจของผู้บริโภคชาวไทยทุกกลุ่ม ตั้งแต่วัยรุ่น วัยทำงาน ไปจนถึงครอบครัว โดยแบ่งออกเป็น 19 โซน ครอบคลุมตั้งแต่ Entertainment อาหาร แฟชั่น ดีไซน์ ศิลปะ วัฒนธรรม การศึกษา และการท่องเที่ยว ตัวอย่างเนื้อหาที่น่าสนใจในงาน การจัดมหกรรมแข่งขันในระดับโลกได้แก่
1.World Sushi Cup: การแข่งขันทำซูชิระดับโลก จัดขึ้นนอกประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการญี่ปุ่นทดลองทำตลาดในประเทศไทยก่อนตัดสินใจลงทุนอย่างเต็มรูปแบบ เริ่มต้นจากการเปิดบูทในงาน Japan Expo ซึ่งทำให้ร้านอาหารญี่ปุ่นหลายร้านประสบความสำเร็จในประเทศไทยจากการทดลองตลาดดังกล่าว
2.Thailand Startup League : เวที Thailand Startup League การแข่งขันเพื่อเฟ้นหา Startup ที่มีศักยภาพ ผู้ชนะจะได้โอกาสไปแข่งขันต่อที่ญี่ปุ่น และอาจได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนทั้งไทยและญี่ปุ่น
3.Cosplay: การแต่งกายเลียนแบบตัวละคร ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่วัยรุ่น
4.J-Pop Cover Dance และ Cover J-Rock : การแสดง Cover เพลงและการเต้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของไอดอลหลายคนในปัจจุบัน
5.SpoGomi World Cup : การแข่งขันเก็บขยะระดับโลก ส่งเสริมการรักษาสิ่งแวดล้อม
2.การเชื่อมโยงธุรกิจและการลงทุนระหว่างไทยและญี่ปุ่น
Japan Expo ไม่ได้เป็นเพียงงานแสดงสินค้าและวัฒนธรรม แต่ยังเป็นเวทีสำคัญสำหรับการเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างไทยและญี่ปุ่น ผู้ประกอบการญี่ปุ่นสามารถใช้ Japan Expo เป็นสนามทดลองตลาด (test marketing) ก่อนที่จะนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ Japan Expo ยังเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยในการขยายธุรกิจไปยังประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอาหาร สินค้าเกษตร และ Content ที่เกี่ยวข้องกับ Boys Love (BL) ตัวอย่างความสำเร็จของการเชื่อมโยงธุรกิจ ได้แก่
1.กรณีศึกษา Cover J-Rock : นักร้อง Cover J-Rock ชาวไทย ได้รับโอกาสไปเป็นสมาชิกวงดนตรี "Like and Angel" ในญี่ปุ่น
2.ธุรกิจอาหาร : ร้านอาหารญี่ปุ่นหลายร้านประสบความสำเร็จหลังจากเปิดตัวในงาน Japan Expo
3.อสังหาริมทรัพย์ : การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นผ่าน NFT โดยบริษัท Sanga ซึ่งประสบความสำเร็จในการขายอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นโดยใช้เทคโนโลยี Blockchain เพื่อรับรองความถูกต้องและความปลอดภัยของกรรมสิทธิ์บริษัทในรูปแบบ NFT ให้กับนักลงทุนชาวไทย
3.การปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภค
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา Japan Expo มีการปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง เช่น การนำเทคโนโลยี NFT มาใช้ในงาน การเพิ่มโซน Travel Zone และการจัด Business Matching สำหรับ Boys Love และ Girls Love
ก้าวต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ น.ส.ยุพเรศ ผู้จัดงาน Japan Expo มีความฝันที่จะพัฒนางานให้ก้าวไปอีกขั้นในอนาคต โดยมีเป้าหมายหลัก 2 ประการคือ
1.ขยาย Japan Expo เป็นงาน B2B เต็มรูปแบบ โดยใช้พื้นที่ศูนย์สิริกิติ์ทั้งอาคาร เพื่อให้ครอบคลุมธุรกิจญี่ปุ่นทุกประเภท
2.ผลักดัน Soft Power ไทยเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการที่รัฐบาลไทยเล็งเห็นถึงศักยภาพของ Soft Power ในการส่งเสริมการค้าและการลงทุน ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างเอกลักษณ์และยกระดับ Local Character อาหาร สินค้าเกษตร และ Content ที่เกี่ยวข้องกับ Boys Love (BL) และ Girls Love (GL)
นอกจากนี้ ผู้จัดงานยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริม IP and Licensing ให้ผู้ประกอบการไทยมากขึ้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและบริการ ซึ่งการที่ Japan Expo ถือเป็นงานที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเป็นเวทีสำคัญที่ช่วยเชื่อมโยงธุรกิจและวัฒนธรรมระหว่างไทยและญี่ปุ่น ตลอดจนเป็นแรงบันดาลใจให้คนไทยและคนญี่ปุ่นในอนาคต Japan Expo มีศักยภาพที่จะเติบโตเป็นงานระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ดี Japan Expo เป็นเวทีที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของการลงทุนระหว่างไทยและญี่ปุ่น การลงทุนในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนโดยตรง การลงทุนใน Startup หรือการลงทุนใน Soft Power ล้วนแต่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการและนักลงทุนควรศึกษาตลาด วิเคราะห์ความเสี่ยง และวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ
ทั้งนี้ งานมหกรรมงานอีเวนต์ญี่ปุ่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียซึ่งจะฉลองความสำเร็จเป็นปีที่ 10 ของ JAPAN EXPO THAILAND มัดรวมธุรกิจบันเทิง อาหาร และท่องเที่ยว จากทัพศิลปินไอดอลของญี่ปุ่นที่บินตรงมาประเทศไทยและศิลปินไทยหลายร้อยชีวิต กิจกรรมแน่นตลอด 3 วันเต็ม และหลากหลายสินค้า อาหารคุณภาพจากญี่ปุ่น รวม 19 โซนโดยจะมีขึ้นในวันที่ 7-9 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมกันนี้ บริษัทเตรียมที่จะเปิดตัวตลาดญี่ปุ่นทองหล่อ ในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งหวังยกระดับและรองรับการเติบโตเพื่อเปิดประตูสู่อนาคต ไทย-ญี่ปุ่น