หลักทรัพย์บัวหลวงส่ง DR น้องใหม่ “SP50001” ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น Hang Seng S&P 500 Index ETF ที่ลงทุนอิง S&P 500 ดัชนีเรือธงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหุ้นไทย วันที่ 22 ต.ค.67
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ออกตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) เจ้าแรกของไทย เปิดเผยว่า ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นไทยจากแรงกดดันทั้งปัจจัยภายในและนอกประเทศ ส่งผลให้นักลงทุนไทยเริ่มตั้งการ์ดรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน ด้วยการกระจายน้ำหนักลงทุนไปยังหลักทรัพย์ต่างประเทศ ผ่านการลงทุน DR บนกระดานหุ้นไทยที่เป็นทางเลือกที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพ สามารถลงทุนได้ตั้งแต่ 1 หน่วย DR ที่มีราคาเริ่มต้นเพียงไม่กี่บาท ไม่มีค่าธรรมเนียมการจัดการสองต่อ รวมถึงไม่ต้องกังวลเรื่องภาษีจากการลงทุนต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว
ปัจจุบัน การลงทุนใน DR ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจาก DR01 ทั้ง 10 หลักทรัพย์ ครอบคลุมการลงทุนในดัชนีสหรัฐฯ จีน ฮ่องกง เวียดนาม และหุ้นสามัญในตลาดหุ้นยุโรป ที่ออกโดยหลักทรัพย์บัวหลวง ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมราว 16,806 ล้านบาท เทียบจากปี 2562 ที่มีมูลค่าราว 1,431 ล้านบาท และมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันนับจากต้นปี 2567 ราว 96.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่อยู่เฉลี่ย 5.9 ล้านบาท ขณะที่ในด้านผลตอบแทนจากการลงทุน DR01 สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่น โดยเฉพาะ DR01 ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น ETF ที่ลงทุนอิงดัชนีในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฮ่องกง และเวียดนาม (NDX01 CNTECH01 และ E1VFVN3001) สามารถสร้างผลตอบแทนได้ราว 14.5% 12.0% และ 14.4% ตามลำดับ เทียบกับดัชนี SET ที่ปรับขึ้นเพียง 5.6% นับจากต้นปี 2567 (ข้อมูล ณ วันที่ 17 ต.ค.2567)
บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนในต่างประเทศได้ง่ายมากขึ้น ล่าสุดได้เปิดตัว DR น้องใหม่ ในชื่อย่อ “SP50001” ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น Hang Seng S&P 500 Index ETF (3195) ซึ่งลงทุนอ้างอิงดัชนี S&P 500 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2567 โดย ETF ซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกง และมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การจัดการ (AUM) ประมาณ 2.0 พันล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 17 ต.ค.2567) ซึ่งมีผู้ออก คือ Hang Seng Investment Management บลจ.ชั้นนำที่มีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การจัดการ (AUM) สูงสุดในฮ่องกงประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท (อ้างอิงจากมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การจัดการของกองทุน ETF ที่จดทะเบียนและจัดตั้งในฮ่องกง ข้อมูลจาก HSVM ณ วันที่ 31 ก.ค.2567)
โดยเราเชื่อมั่นว่า DR “SP50001” จะได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังบริษัทชั้นนำของโลกและเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผู้ที่ต้องการลงทุนในดัชนีเรือธงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งที่ผ่านมามีผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว และได้รับการยอมรับจากนักลงทุนระดับโลกมากมาย รวมถึงผู้ที่ต้องการหาโอกาสลงทุนใหม่และกระจายความเสี่ยงจากการถือหุ้นไทยที่อาจกระจุกตัวเกินไป
“DR “SP50001” จะเป็น DR ตัวแรกในประเทศไทยที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น ETF ที่ลงทุนอ้างอิงดัชนี S&P 500 ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ ได้อย่างสะดวกและคุ้มค่า โดยดัชนี S&P 500 เป็นดัชนีชั้นนำของตลาดสหรัฐฯ ที่มีประวัติการให้ผลตอบแทนที่แข็งแกร่งและเป็นดัชนีที่มีนักลงทุนทั่วโลกติดตามมากที่สุด ถือเป็นโอกาสที่ดีในการกระจายการลงทุนไปยังบริษัทขนาดใหญ่ที่สุด 500 แห่งของสหรัฐฯ ได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ” นายพิเชษฐ กล่าว
นายพิเชษฐ กล่าวต่อว่า DR “SP50001” มีจุดเด่นตรงที่ดัชนี S&P 500 มีส่วนประกอบของบริษัทระดับโลกมากมาย ได้แก่ 1.Apple ผู้นำด้านอุปกรณ์เทคโนโลยีของโลกอย่าง iPhone หรือระบบปฏิบัติการ iOS 2.Microsoft ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลก เช่น ระบบปฏิบัติการ Windows และ Microsoft Office 3.Nvidia ผู้ผลิตการ์ดจอยักษ์ใหญ่ที่ครองส่วนแบ่งมากที่สุดในโลก เติบโตตามเทรนด์ AI 4.Amazon บริษัท E-Commerce และ Cloud ระดับโลก 5.Meta Platforms เจ้าของแพลตฟอร์ม Facebook, Instagram และ WhatsApp โดยหุ้นเหล่านี้มีน้ำหนักในดัชนี S&P 500 ราว 7.2%, 6.5%, 6.0%, 3.5% และ 2.5% ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย.2567) ทำให้นักลงทุนมีโอกาสเข้าถึงบริษัทชั้นนำของโลกได้อย่างสะดวกผ่านตลาดหุ้นไทย
ในส่วนของผลตอบแทนดัชนี S&P 500 นับตั้งแต่จัดตั้งเมื่อปี 2500 หากมองเป็นรายปีจะพบว่า มีโอกาสมากกว่า 70% ที่สามารถสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้ สะท้อนว่าการลงทุนในดัชนี S&P 500 จะมีโอกาสชนะมากกว่าแพ้ในแต่ละปี ขณะเดียวกัน ก็สามารถสร้างผลตอบแทนรวมได้สูงถึง 2,089% หรือคิดเป็นผลตอบแทนรวมเฉลี่ยประมาณ 11% ต่อปี
ซึ่งสูงกว่าดัชนี SET ของไทยที่มีผลตอบแทนรวมเฉลี่ยเพียง 3% ต่อปี ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา รวมถึงเป็นดัชนีที่มีผลตอบแทนดีกว่า 90% ของจำนวนกองทุนรวมประเภท Active ในช่วงเวลาเดียวกัน (ข้อมูล ณ วันที่ 17 ต.ค.2567) ดังนั้นการลงทุนอ้างอิงดัชนี S&P 500 จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ในระยะยาว
Ms.Rosita Lee กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Hang Seng Investment Management (HSVM) กล่าวว่า เรามีความยินดีที่จะสานต่อความร่วมมือกับหลักทรัพย์บัวหลวง ภายหลังจากความสำเร็จของ DR ที่อ้างอิง Tracker Fund of Hong Kong ETF (HK01) และ Hang Seng China Enterprises Index ETF (HKCE01) "เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ Hang Seng S&P 500 Index ETF ได้รับเลือกให้เป็นหลักทรัพย์อ้างอิงในการออก DR “SP50001” ซึ่ง DR ตัวใหม่นี้จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยได้กระจายพอร์ตการลงทุน พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสการลงทุนและติดตามการเติบโตในระยะยาวของดัชนี S&P 500 ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นดัชนีที่สะท้อนภาพรวมของตลาดหุ้นสหรัฐฯ มากที่สุด ทั้งนี้ HSVM มุ่งมั่นในการขยายบทบาทในระดับโลกและเสริมสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนร่วมในตลาดทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือนี้จะส่งผลในเชิงบวกต่อกลุ่มนักลงทุน"
ทั้งนี้ DR “SP50001” จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ด้วยกระบวนการ Direct Listing ซึ่งนักลงทุนสามารถซื้อขาย DR น้องใหม่ ได้ตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.2567 เป็นต้นไป (โดยไม่ต้องจองซื้อล่วงหน้าเหมือนกรณี IPO) ทั้งนี้สามารถศึกษารายละเอียด DR “SP50001” จากหนังสือชี้ชวนและข้อกำหนดสิทธิ์ได้ที่ www.sec.or.th, www.set.or.th หรือ www.bualuang.co.th/dr โดยผู้ที่สนใจลงทุนใน DR01 ด้วยสกุลเงินบาทผ่านตลาดหุ้นไทยแบบเรียลไทม์ โดยไม่มีพักกลางวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-16.30 น. สามารถทำได้ง่ายๆ บนแอป Streaming หรือ www.bualuang.co.th ส่วนผู้ที่สนใจลงทุน DR “SP50001” จำนวนมากตั้งแต่ 1 ล้านหุ้น หรือมูลค่า 3 ล้านบาทขึ้นไป สามารถใช้บริการ Big Lot ผ่านผู้ดูแลสภาพคล่องได้โดยตรง ซึ่งมีโอกาสซื้อขายได้ที่ราคาที่ดีกว่าบนกระดาน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ทีม BLS Global Investing โทร.0-2618-1999