xs
xsm
sm
md
lg

ลดดอกเบี้ย...ข่าวดีชิ้นสุดท้ายตลาดหุ้น / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) สร้างความประหลาดใจชิ้นเล็กๆ โดยมีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ลดดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี จาก 2.50% ลงเหลือ 2.25% กระตุ้นตลาดหุ้นให้คึกคักขึ้นทันที

ดัชนีหุ้นวันที่ 16 ตุลาคม หลังรับรู้ข่าวการลดดอกเบี้ยพุ่งทะยานขึ้น ปิดการซื้อขายเพิ่มขึ้น +19.98 จุด ขึ้นมาปิดที่ 1,485.01 จุด สร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบปี ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายที่หนาแน่น 77,184.13 ล้านบาท

ปรากฏการณ์ในด้านบวกที่ตามมาคือ นักลงทุนต่างชาติซึ่งขายหุ้นติดต่อประมาณ 13 วันทำการ มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ได้กลับมาซื้อหุ้น

โดยซื้อหุ้นสุทธิ 4,201.29 ล้านบาท และเป็นอีกแรงซื้อที่ช่วยผลักดันให้หุ้นดีดตัวแรง นอกเหนือจากกองทุนรวมวายุภักษ์

การลดดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่นักลงทุนรอคอยกันมานาน และคาดว่าอาจจะต้องรอคอยถึงการประชุม กนง.ในกลางเดือนธันวาคม หรืออีก 2 เดือนข้างหน้า ดอกเบี้ยจึงจะลง แต่ข่าวดีมาเร็วกว่าความคาดหมาย

แม้ว่าการลดดอกเบี้ยจะมีผลต่อค่าเงินบาทเพียงเล็กน้อย โดยเงินบาทอ่อนตัวไม่มาก แต่มีผลต่อการกระตุ้นตลาดหุ้นอย่างมาก และอาจขับเคลื่อนให้ดัชนีพุ่งทะลุ 1,500 จุดได้

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ส่วนใหญ่ไม่ได้ประเมินแนวตลาดหุ้นหลังลดดอกเบี้ยไว้สวยหรูนัก โดยมองว่าดัชนีคงจะขึ้นไปยืนแถวระดับ 1,500 จุด หรือมากกว่าเพียงเล็กน้อย ไม่ได้มองว่าหุ้นจะปรับตัวสู่ขาขึ้นรอบใหญ่ๆ และดัชนีจะวิ่งต่อไปอีกเป็นร้อยจุด

เพราะข่าวดีๆ ที่ทยอยเกิดขึ้นตลาดหุ้นได้ซึมซับรับหมดแล้ว ไม่ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร โดยเฉพาะการแจกเงิน 10,000 บาท การจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 150,000 ล้านบาท และการลดดอกเบี้ยของ กนง. 0.25%

ข่าวดีที่รอคอยสำหรับนักลงทุนไม่มีอีกแล้ว โดยตลาดหุ้นอาจต้องย่ำฐานอยู่แถวดัชนี 1,500 จุด จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ชี้นำ หรือนักลงทุนต่างชาติยกทัพใหญ่กลับเข้ามาซื้อหุ้นต่อเนื่อง ซึ่งยังเป็นเพียงความคาดหวังเท่านั้น แม้หลังลดดอกเบี้ยต่างชาติจะกลับมาไล่ซื้อหุ้นกว่า 4 พันล้านบาทก็ตาม

ข่าวดีชิ้นเล็กที่เหลืออยู่คือ การจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อไทยยั่งยืน หรือ TESG ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม โดยจะระดมทุนได้ประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท และเป็นอีกกองทุนที่จะเข้ามาช่วยปลุกบรรยากาศการซื้อขายหุ้นในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2567 ให้คึกคักขึ้น ซึ่งอาจผลักดีนให้ดัชนีขยับขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,540 จุดในช่วงปลายปี ตามที่โบรกเกอร์หลายสำนักทำนายไว้

นับตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้มาตรการ UPTICK RULE และมาตรการคุมเข้มโปรแกรมการซื้อขาย หรือ ROBOT TRADE เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตลาดหุ้นปรับตัวเป็นขาขึ้นรอบใหญ่โดยมีปัจจัยหนุนมาตลอด ทั้งการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ 0.50% การจัดตั้งกองทุนรวมวายุภักษ์ และตบท้ายด้วยการลดดอกเบี้ยของ กนง. 0.25%

ดัชนีหุ้นที่อยู่ในอาการรอแร่ ยืนแถวระดับ 1,289 จุด ไต่ระดับขึ้นมาในรอบนี้ประมาณ 200 จุด ซึ่งถือเป็นขาขึ้นรอบใหญ่ แต่ข่าวดีที่จะกระตุ้นตลาดให้ไปต่อเริ่มหมดลงแล้ว และมองไม่เห็นปัจจัยชี้นำใหม่ที่จะผลักดันให้ดัชนีวิ่งไปไกลกว่า 1,500 จุดในระยะสั้น

เพดานขาขึ้นตลาดหุ้นจากนี้จนปิดฉากสิ้นปีจะแคบลง แต่นักลงทุนรายย่อยคงไม่เดือดร้อนเท่าไหร่

เพราะรอบนี้ทยอย "ปล่อยของ" เทขายหุ้น โดยใส่มือต่างชาติและกองทุนวายุภักษ์ไปแล้วหลายหมื่นล้านบาท

บรรดาแมลงเม่าตัวเบาขึ้นเยอะจากขาขึ้นรอบใหญ่ครั้งนี้








กำลังโหลดความคิดเห็น