xs
xsm
sm
md
lg

กูรู คาดเลือกตั้งสหรัฐ หนุน SET ปลายปีแตะ 1,520 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โบรกฯ ประเมินเลือกตั้งสหรัฐฯ ดันหุ้นไทยปลายปีแตะ 1,520 จุด ระบุ SET Index ตอบรับเชิงบวกมากกว่า หากชัยชนะเป็นของ แฮร์ริส ที่มีนโยบายด้านการค้า- ต่างประเทศไม่แข็งกร้าวเหมือนทรัมป์ พร้อมคัดหุ้นเด่น ได้อานิสงส์เชิงบวก ท่องเที่ยว ธนาคาร วัสดุก่อสร้าง ขนส่ง นิคมอุตสาหกรรม ให้ AWC-GPSC-WHA เป็น Top Pick

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า การเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่จะถึงนี้ สร้างความคาดหวังเชิงบวกต่อการเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ที่จะนำพาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านพ้น ไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ นอกจากนี้บรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายช่วงปลายปี จึงมีโอกาสสูงที่จะเกิด Election Rally โดยประเมิน Set Index มีโอกาสเร่งตัวในช่วงปลายปี สู่เป้าหมายดัชนี ณ สิ้นปีที่ 1,520 จุด จากแรงหนุนการตอบรับเชิงบวกหลังเลือกตั้งสหรัฐฯ ไม่ว่าผลจะเป็นในทิศทางใด

ทั้งนี้ ในเชิงเปรียบเทียบตลาดหุ้นไทยจะตอบรับเชิงบวกมากกว่า หากชัยชนะเป็นของ Kamal Harris ที่มีนโยบายด้านการค้าและต่างประเทศไม่แข็งกร้าวเท่า Donald Trump

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่มีน้ำหนักในการขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทยที่สำคัญที่สุดในปีเลือกตั้งสหรัฐฯ ยังจะเป็นกระแสหลักของการลงทุนในปีนั้นๆ ซึ่งในปีนี้ คือ วงจรดอกเบี้ยขาลง และ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ดังนั้น จึงประเมินกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจประกอบด้วย ท่องเที่ยว ธนาคาร วัสดุก่อสร้าง โรงไฟฟ้า และนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น

เมย์แบงก์ ให้ AWC-GPSC-WHA เป็นหุ้น Top Pick

สำหรับหุ้น Top Picks คือ AWC คาดกำไรในปี 67-73 เติบโตแข็งแกร่ง ขณะที่ยังมี Upside ต่อประมาณการในระยะยาว หากลงทุนใน Entertainment Complex และการปรับลดดอกเบี้ยของธปท. และ GPSC คาดว่ากำไรปี 67/68 เติบโตแรงที่ 49% และ 51% โดยการเติบโตปี 67 จะได้รับแรงหนุนจากราคาก๊าซลดลงและส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นซึ่งมาจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ส่วนการเติบโตของกำไรในปี 68 จะได้รับแรงหนุนจากราคาก๊าซลดลงต่อและส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นจากโครงการ CFXD ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งที่ไต้หวัน

นอกจากนี้ WHA เป็นผู้ได้ประโยชน์หลักจากกระแส Relocation ที่ไม่ว่าผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ว่า คุณทรัมป์หรือคุณแฮริสได้รับเลือกประธานาธิบดี การกีดกัดการค้ากับจีนจะมีอยู่แน่นอน นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐฯ ที่ต้องการดึงดูดการลงทุนเพื่อสร้าง New-S Curve ในธุรกิจเป้าหมาย เช่น กลุ่มเทคโนโลยี Datacenter เป็นต้น

ส่วนแนวโน้มกำไรบริษัทฯอิง Bloomberg Consensus กำไรปี 67/68 ขยายตัว 11%/13% ทำ New High ต่อเนื่อง โดยแรงขับเคลื่อนกำไรมาจากยอดขายที่ดินที่เติบโต และราคาที่ดินที่ยังสามารถปรับสูงขึ้นท่ามกลางอุปสงค์ที่ดินที่เพิ่มขึ้นเร็วกว่าอุปทานที่ดินของนิคมอุตสาหกรรม

ASPS ประเมินหุ้นขนส่ง-นิคมฯ ได้ประโยชน์

ด้าน บริษัท หลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ระบุว่า ก่อนจะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ วันที่ 5 พ.ย. นี้ โดย POLL ผลสำรวจผู้ที่จะได้เก้าอี้ระหว่าง แฮรริส และ ทรัมป์ คะแนนความนิยมพลิกสูสี ขณะที่หลายสัญญาณบ่งชี้ว่า ทรัมป์ มีโอกาสชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยข้อมูลในอดีต 2016 พรรค REPUBLICAN เป็นฝ่ายชนะ คะแนนความนิยมพรรค DEMOCRATIC จะมากกว่า แต่ห่างกันแค่เล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม หากพรรค REPUBLICAN ชนะ ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสผันผวนขึ้น จากผลกระทบของการเก็บภาษี 100% ของสินค้านำเข้าจากประเทศจีน หรือประเทศในกลุ่ม BRICS , ค่าเงินมีโอกาสผันผวน และเงินเฟ้อสหรัฐอาจยืนสูงนานขึ้น

ทั้งนี้ นโยบายกีดกันทางการค้าจีน ถือเป็นอีกหนึ่งในนโยบายเรือธงของ TRUMP โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นในสมัยที่ TRUMP เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ปี 2016 พบว่า สินค้าไทยที่สามารถส่งออกไปสหรัฐได้เพิ่มขึ้น (ทดแทนสินค้าจีนที่ถูกกีดกันทางภาษี) เช่น เครื่องจักร อุปกรณ์สื่อสาร และคอมพิวเตอร์ เป็นต้น แต่ในทางตรงกันข้าม สินค้าใดที่ไทยส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ คล้ายคลึงกับสินค้าที่จีนถูกตั้งกำแพงภาษีจากสหรัฐ ก็จะมีความเสี่ยงที่ไทยจะได้รับผลเสียจากการถูกจีนหันมาแย่งตลาดส่งออกอื่นมากๆ เช่น สินค้าในหมวดปิโตรเคมี อุปกรณ์ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์จากเหล็ก และชิ้นส่วนรถยนต์ เป็นต้น

ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์ คาดว่าจะเป็นกลุ่มขนส่งจากการเร่งสั่งสินค้าก่อนมีการขึ้นภาษี เช่น RCL , PSL และ TTA หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม จากการเปิดโรงงานในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อลดความเสี่ยงจากประเด็นกำแพงภาษี เช่น AMATA และ WHA


กำลังโหลดความคิดเห็น