ความแตกต่างระหว่างหุ้นของ MicroStrategy กับบิทคอยน์สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของสถาบันที่เพิ่มมากขึ้นท่ามกลางกระแสเงินไหลเข้าของ ETF และการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่อาจเกิดขึ้น
ตามบันทึกการวิจัยที่เปิดเผยโดย CryptoSlate ของ สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ระบุว่าบิทคอยน์อาจพุ่งขึ้นสูงกว่า 73,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยได้รับแรงหนุนจากการไหลเข้าของ ETF ที่เพิ่มขึ้นและกิจกรรมการซื้อออปชั่นเพิ่มขึ้น
เจฟฟรีย์ เคนดริก หัวหน้าฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกของ สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (StanChart) เน้นย้ำถึงความเคลื่อนไหวสำคัญหลายประการของตลาดที่ส่งสัญญาณถึงแนวโน้มขาขึ้นก่อนการลงคะแนนในเดือนพฤศจิกายน
บิทคอยน์เตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
เจฟฟรีย์ เคนดริก เน้นย้ำว่ากระแสเงินไหลเข้าสุทธิใน Bitcoin ETF เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 916,000 BTC ณ วันที่ 14 ตุลาคม การเพิ่มขึ้นนี้สอดคล้องกับความสนใจอย่างมากในออปชั่นซื้อบิทคอยน์ในราคาขาขึ้น โดยเฉพาะที่ระดับราคา 80,000 ดอลลาร์สำหรับการหมดอายุในวันที่ 27 ธันวาคม
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพียงสัปดาห์เดียวมีการเพิ่ม BTC เพิ่มอีก 1,600 BTC ให้กับออปชั่นซื้อมูลค่า 80,000 ดอลลาร์ใน Deribit โดยการซื้อขายออปชั่นที่เพิ่มขึ้นนี้ ร่วมกับกระแสเงินเข้า ETF อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อขายกำลังเตรียมรับมือกับการทะลุราคาที่อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและการเมืองมีความสอดคล้องกันก่อนการเลือกตั้ง
นอกจากนี้ เจฟฟรีย์ เคนดริก ยังเน้นถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อแนวโน้มของบิทคอยน์โดยเขาแนะนำว่าภายใต้ความน่าจะเป็นตามเงื่อนไขในปัจจุบัน หากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง มีโอกาส 70% ที่พรรครีพับลิกันจะชนะการเลือกตั้ง ผลลัพธ์ดังกล่าวอาจนำไปสู่กฎระเบียบที่เอื้ออำนวยมากขึ้นสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาของบิทคอยน์พุ่งสูงขึ้นต่อไป
เขากล่าวเสริมว่าบิทคอยน์ มีแนวโน้มที่จะทำผลงานเหนือกว่า อีเธอเรียม และสินทรัพย์อื่นๆ ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง โดยได้รับแรงหนุนจากความแข็งแกร่งของเงินไหลเข้าของ ETF และการเพิ่มขึ้นของการผนวกรวมสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ากับการเงินแบบดั้งเดิม
แนวโน้มของ MicroStrategy
นอกจากนี้ เจฟฟรีย์ เคนดริก ยังเน้นย้ำถึงผลงานหุ้นล่าสุดของ MicroStrategy (MSTR) โดยสังเกตเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนจากราคาของบิทคอยน์ตั้งแต่กลางเดือนกันยายน แม้ว่าบิทคอยน์จะยังคงอยู่ค่อนข้างคงที่ แต่ NAV ของ MSTR กลับพุ่งสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนที่มีต่อบทบาทเชิงกลยุทธ์ของบริษัทในตลาด
"การเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณของ MSTR นี้เป็นผลมาจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎการยกเว้นการดูแลธนาคาร SAB 121 ซึ่งอาจอนุญาตให้คู่สัญญาสถาบันนำ BTC จำนวน 250,000 หน่วยที่ MicroStrategy ถืออยู่ไปปล่อยกู้ให้กับพวกเขาได้" เจฟฟรีย์ เคนดริก กล่าว
อย่างไรก้ดี สิ่งนี้จะสร้างโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติม ส่งผลให้สถานะทางการเงินของบริษัทดีขึ้น ซึ่งเคนดริกเน้นย้ำว่าการพัฒนานี้ทำให้หุ้นของ MSTR น่าดึงดูดใจมากขึ้น แม้ว่าราคาของบิทคอยน์ จะยังคงมีเสถียรภาพก็ตาม
เขากล่าวเสริมว่าการแยกหุ้นของ MSTR ออกจากบิทคอยน์ถือเป็นสัญญาณของความสนใจของสถาบันที่เพิ่มขึ้นในระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลที่กว้างขึ้น เนื่องจากได้รับการยอมรับมากขึ้น ขณะที่ตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ของ MicroStrategy ในฐานะผู้ถือ BTC รายใหญ่กำลังผลักดันให้หุ้นของบริษัทสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทอยู่ในตำแหน่งที่จะประสบความสำเร็จต่อไปก่อนการเลือกตั้งในสหรัฐฯ