กูรูในวงการอสังหาฯ นักพัฒนาคอนโดฯ ระดับลักชัวรี "ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์" ผู้นำบริษัท สโคป ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ SC ร่วมทุน ลุยสร้างผลงานระดับเวิลด์คลาสกับคอนโดฯ ลักชัวรีใจกลางเมือง รวมแล้วปัจจุบันถึง 17,150 ล้านบาท
โดย นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สโคป จำกัด ฉายภาพว่า เศรษฐกิจในไตรมาส 4 ปีนี้มีโอกาสที่จะฟื้นตัวดีขึ้น หากไม่มีปัจจัยลบจากภายนอกประเทศมากระทบ เช่น สงครามการสู้รบของประเทศต่างๆ เป็นต้น ขณะที่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นในการพัฒนาโครงการ ที่ในปัจจุบันไม่ง่ายเหมือนเช่นในอดีต ต้องตอบโจทย์ผู้บริโภคให้เกิดความต้องการซื้อ (ความอยาก) และคุ้มค่ากับเงินที่ซื้อ ไม่ใช่นำที่ดินโรงงาน หรือบ้านเดิมของตนเอง แต่ทำเลไม่ตอบโจทย์ ไม่มีศักยภาพมาพัฒนา ซึ่งตนจะไม่แนะนำ เพราะกฎของสโคปคือ "ทำให้คนหมู่มากยอมรับ"
"ผมบอกได้เลยการที่จะเพิ่มมูลค่าให้โครงการ โดยราคาไม่ตกลง ต้องไม่พลาดเรื่องทำเล และโปรดักต์ และมีบริการที่ดี ซึ่งทั้ง 3 สิ่งนี้ สโคปเป็นหลักการที่ยึดมาโดยตลอด และการซื้ออสังหาฯ ของผม คือ การลงทุน ไม่ใช่เก็งกำไร เพราะนั่นหมายถึงโอกาสเกิดความเสี่ยงในเรื่องของการโอนห้องชุด ซึ่งจะแย่ ส่วนดีมานด์ในตลาดนั้นมองว่ายังมีอยู่ เพราะที่อยู่อาศัยยังถือว่าเป็นปัจจัย 4 แต่ส่วนใหญ่จะติดปัญหาในเรื่อง LTV เท่านั้น เพราะธนาคารต่างกลัวว่าเมื่อสินค้าที่นำเข้ามาแล้วจะขายไม่ได้"
สำหรับในเรื่องผลงานของบริษัท กูรูอสังหาฯ ฉายภาพให้เห็นแต่ละจิ๊กซอว์ของแต่ละโครงการว่า แปลงแรกเป็นที่ดินของกลุ่มเอสซีฯ ซื้อมาบริเวณซอยหลังสวน ตรงข้ามโรงเรียนมาแตร์เดอี กว่า 2 ไร่ ในราคา 3.2 ล้านบาท/ตารางวา พัฒนาโครงการแรกภายใต้แบรนด์ "สโคป หลังสวน" ที่ปัจจุบันมีมูลค่าโครงการถึง 9,800 ล้านบาท ถัดมาจากความผลงานที่สร้างชื่อเสียง สโคปได้พัฒนาต่อเนื่องมา 2 โครงการ คือ "สโคป พร้อมศรี" และ "สโคป ทองหล่อ" และอีกแปลงอยู่ระหว่างการตัดสินใจ คือ ซอยสุขุมวิท 23 คาดจะใช้ชื่อโครงการ "สโคป ประสานมิตร" หรืออาจจะชะลอ พิจารณาภาวะเศรษฐกิจอีกครั้ง โดยอาจหันไปพัฒนาโครงการใหม่ย่านใจกลางสุขุมวิทเช่นเดิม แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ ดังนั้น หากพัฒนาทั้งหมด 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 17,100 ล้านบาท
โดยจิ๊กซอว์แรก คือ สโคป หลังสวน พัฒนาในรูปแบบของคอนโดฯ สูง 34 ชั้น ขนาด 83-443 ตารางเมตร (ตร.ม.) ราคาขายเริ่มต้นที่ 38-250 ล้านบาท จำนวน 158 ยูนิต ปัจจุบันราคาขายเฉลี่ยได้ปรับขึ้นมาที่กว่า 700,000 บาทต่อ ตร.ม. มียอดขายแล้ว 80% โดยได้ขายห้องเพนต์เฮาส์และห้องพักขนาด 3-5 ห้องนอนไปทั้งหมดแล้ว และปัจจุบันได้เปิดยูนิตพิเศษออกมาให้ชมเป็นครั้งแรก เป็นห้องขนาด 1 ห้องนอน ขนาด 84 ตร.ม. เริ่มต้น 44 ล้านบาท และ 2 ห้องนอน ขนาด 160 ตร.ม. เริ่มต้น 80 ล้านบาท
"สโคป หลังสวน" คือโครงการคอนโดมิเนียมระดับอัลติเมตลักชัวรี บนที่ดินฟรีโฮลด์ (การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์แบบขายขาด) ผืนงามซึ่งเป็นที่ต้องการมากที่สุดบนถนนหลังสวน ใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งได้สร้างสถิติราคาขายสูงถึง ตร.ม.ละ 1 ล้านบาทไปเมื่อปลายปี 2566 เป็นที่พักอาศัยที่ผสานสุดยอดของทำเลกับการออกแบบที่เป็นเลิศเข้าไว้ด้วยกัน ลูกค้าที่ซื้อมีทั้งคนไทยและต่างชาติ และสามารถปล่อยเช่า โดยได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า ซึ่งปล่อยเช่าได้ประมาณ 1.6-1.9 แสนบาทต่อเดือน ลูกค้าที่สนใจเช่าเป็นคนไทยทั้งหมด แต่ล่าสุดได้มีชาวยุโรปสนใจหาเช่าห้องเพนต์เฮาส์ ซึ่งมีขนาด 436 ตร.ม. จำนวน 3 ห้องนอน ในราคา 2 ล้านบาทต่อเดือน แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าที่ซื้อจะนิยมอยู่อาศัยเองมากกว่า จึงไม่ค่อยมีใครปล่อยเช่า ขณะเดียวกัน ด้วยมูลค่าของที่ดินแถบนี้มีอัตราเติบโตสูงถึงราวร้อยละ 6 ต่อปี มอบผลตอบแทนสูงสำหรับผู้ที่ต้องการเก็บที่ดินเปี่ยมศักยภาพไว้ เพื่อการลงทุนในอนาคต"
โครงการ "สโคป พร้อมศรี" ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ ซอยสุขุมวิท 49 พัฒนาในรูปแบบของคอนโดฯ Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร ขนาดเริ่มต้นที่ 28-34.99 ตร.ม. ราคาขาย 6.3-8.8 ล้านบาท มีจำนวน 146 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 60%
โครงการ "สโคป ทองหล่อ" ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของคอนโดฯ สูง 32 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 415-700 กว่า ตร.ม. ราคาตั้งแต่ 200-550 ล้านบาท มีจำนวน 18 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 13 ยูนิต (เปิดขายปี 2566) คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยที่ซื้อเป็นคนไทย 100% ปัจจุบันได้ปรับราคาขายขึ้นมาอยู่ที่ 460,000 บาท ตร.ม.
สำหรับโครงการ "สโคป ประสานมิตร" ตั้งอยู่ซ.สุขุมวิท 23 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 600 ตร.ว. ปัจจุบันผ่านเรื่อง EIA เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ชะลอแผนการเปิดตัวไว้ก่อน คงต้องรอดูสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวก่อน โดยโครงการดังกล่าวหากพัฒนาจะมีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งในระหว่างนี้บริษัทอาจจะหันไปพัฒนาโครงการใหม่ในทำเลอื่นแทนก่อน