วิทาลิก บูเทอริน (Vitalik Buterin) เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลสูงสุดในวงการคริปโตเคอร์เรนซี โดยเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง อีเธอเรียม (Ethereum) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (Dapps) และการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง (DeFi) นอกจากเขาจะเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ที่มากความสามารถแล้ว เขายังเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีคริปโตที่อายุน้อยที่สุดในโลก
ก้าวแรกสู่โลกเทคโนโลยี
ย้อนกลับไปช่วงวัยเด็ก วิทาลิกเกิดในปี 1994 ที่เมือง Kolomna ประเทศรัสเซีย จนกระทั่งเมื่อเขาอายุ 6 ขวบ ครอบครัวของเขาย้ายไปอยู่ที่แคนาดาเพื่อหาชีวิตที่ดีขึ้น ทำให้วิทาลิก โตมาในครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับการศึกษา จากการที่พ่อของเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ทำให้วิทาลิก ได้สัมผัสกับเทคโนโลยีและการเขียนโปรแกรมตั้งแต่อายุยังน้อย เขามีความสนใจในเรื่องของคณิตศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ตั้งแต่เล็กๆ
จุดเริ่มต้นในวงการคริปโต
วิทาลิก ได้รู้จักกับ Bitcoin ครั้งแรกในปี 2011 เมื่ออายุเพียง 17 ปี ตอนนั้นเขาสนใจเทคโนโลยีนี้มาก จนเริ่มเขียนบทความเกี่ยวกับคริปโตในนิตยสารชื่อ Bitcoin Magazine ซึ่งเป็นนิตยสารแรกๆ ที่อุทิศให้กับวงการคริปโตเคอร์เรนซีอย่างเต็มรูปแบบ บทความของเขาได้แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจลึกซึ้งในระบบการทำงานของบล็อกเชน
จุดก่อกำเนิด Ethereum
แม้ว่า Bitcoin จะเป็นการปฏิวัติวงการการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง (decentralized finance) แต่ในมุมมองวิทาลิก เขามองเห็นข้อจำกัดของมัน โดยเฉพาะในเรื่องของการเขียนสัญญาอัจฉริยะ (smart contracts) ซึ่งเป็นข้อตกลงแบบดิจิทัลที่สามารถดำเนินการได้เองโดยอัตโนมัติ ดังนั้นในปี 2013 เขาได้เขียน whitepaper ของ Ethereum และเสนอไอเดียของบล็อกเชนที่สามารถเขียนโปรแกรมได้แบบยืดหยุ่นมากกว่า Bitcoin
โปรเจกต์ Ethereum ได้รับการสนับสนุนจากนักพัฒนาหลายคน และในปี 2014 พวกเขาได้ระดมทุนผ่านการเสนอขายเหรียญครั้งแรก (ICO) Ethereum เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2015 และเปลี่ยนแปลงวงการบล็อกเชนอย่างมาก
ความร่ำรวยของ วิทาลิก
จากความสำเร็จของ Ethereum ทำให้มูลค่าของเหรียญ ETH พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วิทาลิก ซึ่งเป็นผู้ถือ ETH จำนวนมาก กลายเป็นมหาเศรษฐีคริปโตคนหนึ่งที่มีมูลค่าสินทรัพย์มหาศาล เมื่อ ETH มีมูลค่าสูงกว่า 3,000 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2021 มูลค่าทรัพย์สินของเขาเกิน 1 พันล้านดอลลาร์ โดยอายุเพียง 27 ปี ทำให้เขาเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลก
วิธีสร้างความร่ำรวยแบบ วิทาลิก
การเดินตามเส้นทางของวิทาลิกต้องอาศัยการมองการณ์ไกล ความขยันหมั่นเพียร และความเสี่ยงที่คำนวณได้ ซึ่ง How To เคล็ดลับบางอย่างที่เขานำไปสู่ความสำเร็จ ได้แก่
1.เรียนรู้และทำความเข้าใจเทคโนโลยี : วิทาลิกมีความรู้ลึกซึ้งในบล็อกเชนและเศรษฐศาสตร์ ทำให้เขาสามารถคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ
2.สร้างสิ่งที่มีค่าและจำเป็น : Ethereum ไม่ใช่แค่เหรียญคริปโต แต่เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้เกิดระบบการเงินใหม่ที่ไร้ศูนย์กลาง (DeFi)
3.กล้าเสี่ยงในสิ่งที่เชื่อมั่น : วิทาลิกตัดสินใจสร้าง Ethereum แม้ว่าตอนแรกจะมีคนตั้งคำถามเกี่ยวกับความสำเร็จของมัน
4.เปิดกว้างต่อการเรียนรู้และการทำงานร่วมกัน : การทำงานร่วมกับทีมที่มีความสามารถและมีแนวคิดที่เปิดกว้าง ทำให้ Ethereum ก้าวไปข้างหน้าได้รวดเร็ว
5.สร้างประโยชน์ให้กับชุมชน : วิทาลิก เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องการสนับสนุนและพัฒนาให้ชุมชนคริปโตเติบโตอย่างยั่งยืน
วิทาลิก บูเทอริน ไม่เพียงแค่เป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีความสามารถ แต่เขายังเป็นวิสัยทัศน์ทางเทคโนโลยีและเศรษฐศาสตร์ ผู้ที่เปลี่ยนแปลงโลกการเงินดิจิทัลไปตลอดกาล ด้วยการสร้าง Ethereum เขาได้สร้างบล็อกเชนที่ไม่ใช่แค่การเก็บและโอนค่าเงิน แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มที่ให้ทุกคนสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ
อยู่เฉยๆก็มีเงินโอนเข้ากระเป๋าแบบชิลล์ๆ แม้แต่ตอนหลับ
วิทาลิก บูเทอริน มักจะได้รับเหรียญคริปโตจำนวนมากจากผู้คนที่โอนเข้ากระเป๋าเงินของเขาแบบ "ฟรี ๆ" ซึ่งเป็นเหรียญที่เขาไม่ได้ร้องขอ การที่คนโอนเหรียญไปให้เขามีเหตุผลหลายอย่าง เช่น
1. การตลาดและการโปรโมท : หลายโครงการคริปโตหรือเหรียญมีมจะโอนเหรียญไปยังที่อยู่ของ วิทาลิก บูเทอริน เพื่อหวังว่าเขาจะพูดถึงโครงการของพวกเขา หรือเพียงแค่ต้องการให้มีข่าวว่าเหรียญของพวกเขาถูกโอนไปยังหนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการคริปโต เพื่อใช้เป็นกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์และสร้างความน่าสนใจ
2. เป็นสัญลักษณ์ของการให้ : บางคนอาจมองว่าเป็นการให้เกียรติหรือการสนับสนุนเพื่อแสดงความขอบคุณที่เขามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโตเคอเรนซี เช่น Ethereum
3. การสร้างความเชื่อมั่นในเหรียญ : เมื่อ วิทาลิก ถือเหรียญใดเหรียญหนึ่ง อาจสร้างความมั่นใจให้ผู้คนในตลาดว่าเหรียญนั้นมีศักยภาพ หรืออย่างน้อยก็ได้รับการยอมรับจากบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการ
เหรียญที่ วิทาลิก บูเทอริน ได้รับแบบฟรีๆ
หนึ่งในเหตุการณ์ที่เป็นที่รู้จักที่สุดคือ Shiba Inu (SHIB) ซึ่งเป็นเหรียญมีมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเหรียญ Dogecoin ทีมพัฒนา Shiba Inu ได้โอนเหรียญ SHIB กว่า 50% ของอุปทานทั้งหมด หรือคิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ณ เวลานั้นไปให้ วิทาลิก บูเทอริน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในเหรียญ แต่ วิทาลิก บูเทอริน เลือกที่จะขายและบริจาคเหรียญ SHIB ส่วนใหญ่ที่เขาได้รับนี้เพื่อการกุศล
ในปี 2021 เขาได้ขาย SHIB มูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อบริจาคให้กับกองทุนช่วยเหลือวิกฤตโควิด-19 ในอินเดียที่ชื่อว่า India COVID-Crypto Relief Fund ซึ่งเป็นการบริจาคที่ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการคริปโต
นอกจากนี้การเทขายเหรียญแล้วเอาเงินไปบริจาคเพื่อสนับสนุนงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ที่เขาสนใจ เช่น การวิจัยเกี่ยวกับการยืดอายุของมนุษย์และการพัฒนาด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ
มูลค่าเหรียญที่ได้รับ...ยากที่จะประเมินมูลค่าแท้จริง
แม้ว่าจะไม่มีการนับที่แน่ชัดเป็นตัวเลขตายตัวว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วิทาลิก บูเทอริน ได้รับเหรียญคริปโตแบบฟรีๆ เป็นมูลค่าเท่าไหร่ แต่เหตุการณ์ที่โดดเด่น เช่น การได้รับ SHIB มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ การที่เขาได้รับเหรียญจากโปรเจกต์อื่นๆ ในแบบเดียวกันก็ยังคงมีอยู่ แต่ SHIB เป็นตัวอย่างที่ใหญ่ที่สุด
วิทาลิก บูเทอริน ยังมีชื่อเสียงในด้านการใช้ทรัพย์สินของเขาเพื่อสนับสนุนโครงการเพื่อสังคม และมักจะไม่ใช้ชีวิตหรูหราหรือเก็บเหรียญคริปโตส่วนใหญ่เพื่อแสวงหาความร่ำรวย เขาให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาสังคมและช่วยเหลือผู้คนที่ขาดแคลนแม้ว่าเขาจะได้เงินคริปโตมาแบบง่ายๆ แต่เลือกที่จะใช้เงินคริปโตเพื่อการยกระดับสังคมและสาธารณะสุขเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมุ่งหวังในการลดระดับช่องว่างทางสังคมและความเหลื่อมล้ำลง และผลักดันการมีส่วนร่วมและการเข้าถึงคริปโตและส่งเสริมการเข้าถึงบล็อกเชนของทุกภาคส่วนให้มากขึ้น