วันที่ 15 ตุลาคมนี้ หุ้นน้องใหม่บริษัท เมดีช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก และกำลังถูกจับตาว่าราคาหุ้นจะถูกลากจนพุ่งทะยานอย่างร้อนแรงเหมือน 2 หุ้นใหม่ที่เข้าซื้อขายก่อนหน้าหรือไม่
เพราะเป็นหุ้นตัวแรกที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะเข้าสอดส่อง ติดตามตรวจสอบการซื้อขายอย่างเข้มข้นขึ้นทันทีที่เปิดการซื้อขาย
หลังจากหุ้นน้องใหม่ 2 ตัวก่อนหน้า ราคาถูกกระชากขึ้นอย่างหวือหวาในวันแรกที่เข้าตลาดหุ้น ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น จนดูเหมือนว่ามีกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังการสร้างราคา และทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ถูกวิจารณ์ถึงความไม่เข้มงวดในการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นใหม่
หุ้นบริษัท ปลูกพักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ประเดิมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรก 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ราคาจอง 6.70 บาท แต่เปิดซื้อขายราคากระโดดไปที่ 10.10 บาท ก่อนถูกลากขึ้นไปปิดที่ 12.40 บาท สูงกว่าจอง 5.70 บาท หรือสูงกว่าจอง 85% มูลค่าซื้อขาย 4,678.91 ล้านบาท
การซื้อขายวันที่ 2 ราคาหุ้น OKJ ถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 14.60 บาท ก่อนลงปิดที่ 12.90 บาท หลังจากนั้นราคาลงมาสยบนิ่งอยู่แถว 12.60 บาท ขณะที่มูลค่าการซื้อขายหายวูบ ไม่ติดอันดับหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 20 อันดับแรก
ราคาหุ้น OKJ ที่ถูกลากขึ้นไปสูงสุด 14.60 บาท ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ในวงกว้าง ไม่เฉพาะในหมู่นักลงทุนที่เชื่อว่าน่าจะมีนักลงทุนขาใหญ่หรือเจ้ามือลากหุ้นขึ้นไปเพื่อทุบขายทำกำไร แม้แต่นักวิเคราะห์ยังมองว่าราคาหุ้นสูงเกินไป
หุ้นบริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด (มหาชน) หรือ TATG เป็นหุ้นน้องใหม่ตัวล่าสุดที่เข้าซื้อขายวันแรกเมื่อ 8 ตุลาคม ราคาจอง 1.25 บาท แต่เปิดซื้อขายราคากระโดดไปที่ 2.32 บาท ก่อนถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 2.44 บาท หลังจากนั้นถูกทุบขาย จนราคาลงมาปิดที่ 1.54 บาท สูงกว่าจอง 29 สตางค์ หรือ 23%
แม้ราคาจะสูงกว่าจอง และนักลงทุนที่ได้รับโควตาจัดสรรมีกำไรทุกคน ไม่ว่าขายในราคาไหนวันแรก แต่นักลงทุนที่ตามแห่เข้าไปเก็งกำไรหุ้น TATG ส่วนใหญ่เจ็บตัว เพราะขายทิ้งไม่ทันช่วงที่ราคาหุ้นถูกทุบ
เช่นเดียวกัน พฤติกรรมราคาหุ้น TATG ที่มีลักษณะการลากขึ้น และถล่มขายลงมา นักลงทุนเชื่อว่าน่าจะมีนักลงทุนขาใหญ่หรือเจ้ามืออยู่เบื้องหลังการ "ล่อ" รายย่อยขึ้นไป “เชือด”
ความร้อนแรงของราคา และการซื้อขายที่ไม่น่าจะเป็นปกติตามกลไกตลาด โดยอาจมีคนอยู่เบื้องหลังการสร้างราคาหุ้น OKJ และ TATG ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ถูกตั้งคำถามถึงระบบการตรวจสอบ ซึ่งไม่เคยพบความผิดปกติใดในการซื้อขายหุ้นใหม่วันแรกๆ ทั้งที่หลายตัวมีพฤติกรรมเข้าข่ายปั่นราคา
และหลายตัวราคาถูกลากขึ้นสูงกว่าจองกว่า 100% แต่ถูกทุบขาย จนปิดการซื้อขายราคาต่ำกว่าจองอย่างเหลือเชื่อ
ความร้อนแรงของหุ้นใหม่ เฉพาะวันแรกๆ ที่เข้าซื้อขาย ก่อนเงียบหายกลายเป็นหุ้นที่ถูกลืม และราคาเคลื่อนไหวอย่างซึมกะทือ กลายเป็นปรากฏการณ์ซ้ำซาก โดยเสียงวิพากษ์วิจารณ์หุ้นใหม่ที่มีพฤติกรรมปั่นราคา ไม่ได้กระตุ้นให้ตลาดหลักทรัพย์ตื่นตัวในการตรวจสอบอย่างเข้มข้นหุ้นใหม่แต่อย่างใด
กระทั่งถูกทวงถามถึงหน้าที่ความรับผิดชอบของนักลงทุน ซึ่งเสียหายจากการหลวมตัวเข้าไปเก็งกำไรหุ้น OKJ และ TATG ตลาดหลักทรัพย์ยุคเปลี่ยนถ่ายผู้บริหารชุดใหม่จึงเริ่มตื่นตัว โดยจะทบทวนมาตรการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นใหม่ให้เข้มข้นขึ้น
ประเดิมเริ่มที่หุ้น MEDEZE ที่ดำเนินธุรกิจสเต็มเซลส์ ซึ่งนำหุ้นจำนวน 268 ล้านหุ้น พาร์ 50 สตางค์ เสนอขายนักลงทุนเป็นครั้งแรกในราคา 9 บาท มีค่าพี/อี เรโช ประมาณ 35 เท่า ซึ่งถือว่าสูงมาก เมื่อเทียบกับค่าพี/อี เรโช เฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์
หุ้นใหม่ส่วนใหญ่มักวางแผนการกระตุ้นราคาหุ้นในวันแรกๆ ที่เข้าซื้อขาย โดยจัดงบประมาณหลายล้านบาท เพื่อฟาดหัวสื่อหุ้น ป้องกันสื่อหุ้นอันธพาลรังควาน หากไม่จ่ายเงินปิดปากรายละประมาณ 500,000 บาท ซึ่งจะได้การนำเสนอข่าวเชียร์เป็นของแถม แม้จะเป็นหุ้นใหม่ที่เน่าขนาดไหนก็ตาม
นอกจากนั้น ยังดึงนักลงทุนขาใหญ่เข้ามาช่วยสร้างราคา โดยจัดสรรหุ้นต้นทุนต่ำเป็นข้อแลกเปลี่ยน
หุ้นบางตัวถูกลากขึ้นไปเปิดราคากระโดด และมีการโยนคำสั่งซื้อเพื่อกระตุ้นราคาให้ทะยานต่อ เมื่อนักลงทุนรายย่อยตามแห่เก็งกำไร นักลงทุนขาใหญ่ หรือผู้ถือหุ้นเดิมที่ไม่ติดไซเรนพีเรียดจะเทขายหุ้นจนราคาหุ้นดิ่งลงอย่างรวดเร็ว
นักลงทุนรายย่อยที่ขายไม่ทันเจ๊งกันตามระเบียบ และเจ๊งกับหุ้นใหม่หลายสิบตัวแล้ว
ไม่รู้ว่า MEDEZE วางแผนการซื้อขายหุ้นวันแรก 15 ตุลาคมนี้อย่างไร
แต่ถ้าจะมีใครทำอะไรมิดีมิร้าย ทำให้การซื้อขายหุ้นผิดไปจากกลไกตลาด ขอเตือนไว้ เพราะตลาดหลักทรัพย์จะประเดิมตรวจสอบการซื้อขายหุ้นใหม่เข้ม
และประเมินประสิทธิภาพการตรวจสอบที่ถึงลูกถึงคน และถึงทุกคำสั่งซื้อขายหุ้นใน MEDEZE เป็นตัวแรก