นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (10 ต.ค.) เปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.54 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 33.45 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.35-33.70 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ) โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาททยอยอ่อนค่าลง (กรอบการเคลื่อนไหว 33.42-33.55 บาทต่อดอลลาร์) ตามการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เข้าใกล้ระดับ 4.08% หลังผู้เล่นในตลาดต่างเพิ่มโอกาสที่เฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤศจิกายน เป็นเกือบราว 20% จาก CME FedWatch Tool ล่าสุด
นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้แรงหนุนจากการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ประเมินว่า เฟดอาจไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ยเหมือนที่เคยคาดหวังไว้ โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ไม่ถึง -100bps ในปีหน้า ซึ่งการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รวมถึงข่าวการเจรจาหยุดยิงระหว่างกลุ่ม Hezbollah กับทางการอิสราเอลยังได้กดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องสุ่โซนแนวรับ 2,600-2,610 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงทยอยเข้าซื้อทองคำ กดดันให้เงินบาททยอยอ่อนค่าลงเหนือโซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ได้อีกครั้ง และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อสกุลเงินต่างประเทศ โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น หลังการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) อ่อนค่าลงสู่ระดับ 149 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งเมื่อเทียบกับเงินบาทนั้น เงินเยนญี่ปุ่น (JPYTHB) อ่อนค่าลงต่ำกว่าระดับ 22.50 บาทต่อ 100 เยน
สำหรับวันนี้ ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มชะลอลงต่อเนื่องสู่ระดับ 2.3% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI อาจทรงตัวแถว 3.2% นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) พร้อมทั้งรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของเฟด
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ล่าสุด เพื่อประเมินโอกาสที่ ECB จะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกราว -50bps (หรือราว -25bps) ในอีกสองการประชุมที่เหลือในปีนี้
และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่าผู้เล่นในตลาดจะยังคงรอติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการตอบโต้อิหร่านของทางการอิสราเอล ว่าจะเป็นไปในลักษณะใดและจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันจากตะวันออกกลางหรือไม่
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่าเงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ sideways ในช่วงก่อนที่ตลาดจะรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ โดยเงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อสกุลเงินต่างประเทศโดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น (JPYTHB) รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้ง ทองคำและน้ำมันดิบ หลังราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบได้ทยอยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และข่าวการเจรจาหยุดยิงระหว่างกลุ่ม Hezbollah กับทางการอิสราเอล (ซึ่งเรามองว่า ทางการอิสราเอลอาจจะยังไม่ยอมรับข้อเสนอในการหยุดยิงได้ ทำให้ยังคงมีความเสี่ยงที่สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางอาจยืดเยื้อ แต่อาจไม่ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น) นอกจากนี้ เรายังคงเห็นแรงขายสินทรัพย์ไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติที่อาจกดดันเงินบาทได้เพิ่มเติม อย่างไรก็ดี เงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่าไปมากนัก ซึ่งต้องจับตาโซนแนวต้าน 33.60 บาทต่อดอลลาร์ โดยผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงรอจังหวะเงินบาทอ่อนค่าลงในการทยอยขายเงินดอลลาร์เพิ่มเติม โดยเฉพาะฝั่งผู้ส่งออก อีกทั้งในช่วงหลังเงินบาทเริ่มเคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินหยวนจีน (CNY) มากขึ้น ทำให้หากเงินหยวนจีนทยอยแข็งค่าขึ้นบ้างอาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทในช่วงระหว่างวันได้เช่นกัน
อนึ่งเรามองว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในช่วงราว 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย เนื่องจากสถิติในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา สะท้อนว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวได้ถึง +/-0.5% ในช่วง 30 นาที หลังรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว