นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (9 ต.ค.) ที่ระดับ 33.48 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 33.46 บาทต่อดอลลาร์และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.35-33.55 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาททยอยอ่อนค่าลงบ้างในลักษณะ sideways up (กรอบการเคลื่อนไหว 33.38-33.50 บาทต่อดอลลาร์) โดยแม้ว่าเงินดอลลาร์จะแกว่งตัว sideways เพื่อรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ทว่า เงินบาทเผชิญแรงกดดันบ้างหลังราคาทองคำมีจังหวะย่อตัวลง เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อทองคำ ท่ามกลางความกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ยังคงร้อนแรงอยู่
อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทยังคงถูกจำกัดอยู่แถวโซนแนวต้าน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างรอทยอยขายเงินดอลลาร์ในโซนดังกล่าวบ้าง แต่หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านดังกล่าวได้อาจเปิดโอกาสให้เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่องสู่โซนแนวต้านถัดไปแถว 33.65 บาทต่อดอลลาร์ได้ไม่ยาก
สำหรับวันนี้ แม้ว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจจะมีไม่มากนัก ทว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบาย หลังล่าสุดรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาดไปมากได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของ ECB เช่นกัน โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า ECB อาจลดดอกเบี้ยได้อีกราว -50bps ในปีนี้
และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่าผู้เล่นในตลาดจะยังคงรอติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด ว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นและลุกลามบานปลายจนส่งผลกระทบในวงกว้างหรือไม่ โดยต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า ความขัดแย้งดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง รวมถึงส่งผลกระทบต่อโฟลว์การขนส่งสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มพลังงานมากน้อยเพียงใด
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทยังคงมีอยู่ ทว่า เงินบาทยังไม่สามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของเราว่า “ตราบใดที่ราคาทองคำยังมีจังหวะปรับตัวสูงขึ้นได้ จากความกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง เงินบาทอาจไม่สามารถอ่อนค่าลงได้ต่อเนื่องอย่างชัดเจน” นอกจากนี้ เรามองว่าผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงรอจังหวะการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ หรือจังหวะการอ่อนค่าลงของเงินบาทใกล้โซนแนวต้านในการทยอยขายทำกำไรสถานะถือครองเงินดอลลาร์ หรือ สถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่า) ส่วนฝั่งผู้ส่งออกอาจรอทยอยขายเงินดอลลาร์ด้วยเช่นกัน ทำให้การอ่อนค่าของเงินบาทอาจมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป
ทั้งนี้ เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่ หลังผู้เล่นในตลาดไม่เพียงแต่ปรับลดความคาดหวังต่อการ “เร่งลดดอกเบี้ย” ของเฟด แต่ล่าสุดยังปรับลดความคาดหวังต่อการ “ลดดอกเบี้ย” ของเฟดลงบ้าง ซึ่งภาพดังกล่าวได้หนุนทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์สหรัฐฯ กดดันบรรดาสกุลเงินหลัก ไม่ว่าจะเงินยูโร (EUR) เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มคาดหวังนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นจาก ECB, BOE ส่วน BOJ อาจไม่เร่งรีบขึ้นดอกเบี้ย ทว่า เราคงเชื่อว่าตลาดจะเผชิญความผันผวนลักษณะ Two-Way Volatility โดยหากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอลงมากกว่าคาด หรือรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอลงมากขึ้นชัดเจน อาจกดดันให้ผู้เล่นในตลาดกลับมาเชื่อว่าเฟดจะทยอยลดดอกเบี้ยได้ตาม Dot Plot หรือมากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ซึ่งอาจกดดันให้เงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าลงได้
และนอกเหนือจากแนวโน้มเงินดอลลาร์ที่อาจพอได้แรงหนุนจากการปรับลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง เรามองว่า เงินบาทยังคงเผชิญแรงกดดันจากแรงขายสินทรัพย์ไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติ โดยในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมานั้น นักลงทุนต่างชาติได้ขายสุทธิหุ้นและบอนด์ไทยไปกว่า -3.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเกือบจะใกล้เคียงกับยอดซื้อสุทธิสินทรัพย์ไทยในเดือนกันยายนราว +4 หมื่นบาท