‘ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล’ เดินหน้าเข้าระดมทุนตลาดหลักทรัพย์ฯ วางเป้าหมายก้าวสู่ผู้นำนวัตกรรมสุขภาพ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนให้ดียิ่งขึ้น หลังลุยธุรกิจผลิต และ/หรือจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพใประเทศไทยมากว่า 50 ปี วางเป้าหมายก้าวสู่ผู้นำ นวัตกรรมสุขภาพ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนให้ดียิ่งขึ้น
นายประพล ฐานะโชติพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) หรือ TMAN เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทอยู่ระหว่างการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจและยกระดับมาตรฐานในระดับสากล ผ่านการวิจัยและพัฒนาเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพใหม่ๆ ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และลงทุนในเทคโนโลยีทันสมัยเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้กลุ่มบริษัทสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และขยายตลาดต่างประเทศในอนาคต เพื่อก้าวสู่ผู้นำนวัตกรรมสุขภาพ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนให้ดียิ่งขึ้น สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
โดยกลุ่มบริษัทคาดการณ์การตรวจพบเชื้อสาเหตุโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเพิ่มขึ้น([1]) เนื่องจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงจากฤดูฝนสู่ฤดูหนาว ส่งผลให้แนวโน้มดีมานด์การใช้ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์การดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโรคทางเดินหายใจ กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลและช่วยบรรเทาอาการทางช่องปากและลำคอ กลุ่มยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) และกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ โดยคาดการณ์มูลค่าการจำหน่ายยาในประเทศไทย ปี 2566-2568 เติบโตเฉลี่ย 5-6% (อ้างอิงจาก Krungsri Research)
ดังนั้น กลุ่มบริษัทจึงวางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ยาใหม่อย่างต่อเนื่อง ในช่วงไตรมาส 4/2567 ทั้งเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ จากแผนทั้งปีจะเปิดตัว 10-12 รายการ โดยในช่วงไฮซีซันที่จะมาถึง กลุ่มบริษัทมีผลิตภัณฑ์ในพอร์ตโฟลิโอ ที่สามารถตอบสนองความต้องการทั้งการรักษา และการป้องกันโรค ทุกช่วงวัยของผู้บริโภค ทั้งกลุ่มโรคทางเดินหายใจ เม็ดอมบรรเทาอาการเจ็บคอแบรนด์ Propoliz และยาอมแก้เจ็บคอแบรนด์ Basina รวมทั้งกลุ่มยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) และล่าสุดได้เปิดตัวยาแก้ไอ ไอยรา อะฮ่า สูตรใหม่ ที่ผสานพลังจากธรรมชาติของมะแว้งต้น มะขามป้อม และชะเอมเทศ ด้วยจุดเด่นส่วนผสมเข้มข้น รสชาติอร่อย รับประทานง่าย ไม่เฝื่อนขม เจาะผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทให้ความสำคัญกับการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์และคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ผ่านการติดตามแนวโน้มอุตสาหกรรม สถิติอัตราผู้ป่วยโรคต่างๆ โรคที่เกิดขึ้นบ่อย สถานการณ์การระดับการติดเชื้อ การดูแลรักษาสุขภาพ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในแต่ละช่วงเวลา อีกทั้งได้กำหนดกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ขยายฐานลูกค้าในโรงพยาบาล และเพิ่มสัดส่วนธุรกิจ OEM/ODM เพิ่มสัดส่วนธุรกิจรับจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ของบุคคลภายนอก ตลอดจนการสร้างการเติบโตของรายได้จากการขยายการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในต่างประเทศที่ได้ส่งออกไปกว่า 22 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจะผลักดันให้กลุ่มบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง