ไฟล์ Cncryptoban 2/
อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงกระทรวงการคลังจีน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนกระตุ้นรัฐบาลทบทวนมาตรการแบนสินทรัพย์เสมือน
จากรายงานของเซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ จู กวงเหยา ผู้ช่วยรัฐมนตรีคลังระหว่างปี 2010-2018 ย้ำเตือนความสำคัญของคริปโตที่มีต่อเศรษฐกิจดิจิทัลของจีนในงานประชุมที่ปักกิ่งเมื่อเร็วๆ นี้
การแสดงความคิดเห็นดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่อเมริกากลับลำนโยบายคริปโตอย่างชัดเจน กระตุ้นให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนในจีนแนะนำให้ปักกิ่งทบทวนจุดยืนเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลเช่นเดียวกัน
จูย้ำว่า แม้มีความเสี่ยงบางประการ เช่น ความผันผวนในตลาด และแนวโน้มการนำไปใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมาย แต่ขณะเดียวกัน คริปโตก็มีความสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลให้เติบโตรุดหน้า
ทั้งนี้ ในปี 2017 จีนสั่งแบนการระดมทุนด้วยการเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO) และสั่งปิดแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต 4 ปีต่อมาการปราบปรามยิ่งเข้มข้นขึ้น โดยรัฐบาลสั่งห้ามการขุดเหมืองบิตคอยน์ ซ้ำประกาศว่า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
เหตุผลเบื้องหลังมาตรการเหล็กเหล่านี้คือความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเงิน และความเป็นไปได้ที่คริปโตจะถูกใช้เพื่อส่งเสริมกิจกรรมผิดกฎหมายที่รวมถึงการฟอกเงินและการอัดฉีดเงินสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย
อย่างไรก็ตาม จูชี้ว่า ความกังวลเกี่ยวกับคริปโตสามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านระเบียบข้อบังคับแทนการแบนแบบเบ็ดเสร็จ เขายังตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่จีนแตกต่างจากอเมริกาคือ การตีตนออกห่างจากสินทรัพย์ดิจิทัลโดยสิ้นเชิง และสำทับว่า แม้บังคับใช้มาตรการแบน แต่ช่องทางเทรดคริปโตใต้ดินยังคงมีอยู่แถมรอดพ้นจากการกำกับดูแลของภาครัฐ
บิตคอยนิสต์ชี้ว่า ขณะที่จีนมีจุดยืนเข้มงวดเกี่ยวกับสินทรัพย์เสมือน ฮ่องกงกลับเลือกเดินตรงกันข้ามด้วยการพัฒนาตลาดคริปโตอย่างจริงจังเพื่อดันตัวเองเป็นฮับสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก โดยดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายแยกต่างหากที่ได้รับความเห็นชอบจากปักกิ่ง
ความแตกต่างยิ่งชัดเจนหลังจากเมื่อไม่นานมานี้ฮ่องกงอนุมัติการเปิดตลาด crypto exchange-traded funds (ETF) ที่ลงทุนโดยตรงในบิตคอยน์และอีเธอเรียม
พลวัตที่เปลี่ยนแปลงในตลาดทั่วโลกหาได้รอดพ้นสายตานักการเมืองในอเมริกา นำโดยโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีและตัวแทนพรรครีพับลิกันในศึกชิงทำเนียบขาว ที่ย้ำความจำเป็นที่อเมริกาจะต้องอ้าแขนรับสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อป้องกันไม่ให้จีนยึดครองอุตสาหกรรมนี้
ทางด้านรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ประกาศสนับสนุนเทคโนโลยีนวัตกรรมที่รวมถึงคริปโต และการกำกับดูแลเพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมนี้เติบโต หลังจากตลอดหลายเดือนก่อนหน้านี้ไม่เคยปริปากพูดถึงอุตสาหกรรมสินทรัพย์เสมือน
หวัง หยาง นักวิชาการชื่อดัง วิจารณ์มาตรการแบนการทำเหมืองคริปโตของปักกิ่งเช่นเดียวกัน โดยบอกว่า เป็นการตัดสินใจที่ไม่ฉลาดอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นการขับไล่ไสส่งโอกาสทางธุรกิจไปให้อเมริกาโดยไม่ตั้งใจ
หยางยังเตือนว่า ถ้าทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง จีนอาจถูกโดดเดี่ยวทางการเงินหนักขึ้น และอาจถูกขับออกจากสวิฟต์ ซึ่งเป็นระบบรับส่งข้อความเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศ
หวง อี้ผิง นักเศรษฐศาสตร์และอดีตสมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางจีน ตั้งคำถามเกี่ยวกับความยั่งยืนระยาวของมาตรการแบนคริปโต โดยชี้ว่า มาตรการดังกล่าวอาจขัดขวางความสามารถของจีนในการแสวงหาประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนและนวัตกรรมอื่นๆ
ทั้งนี้ ยังต้องรอดูกันต่อไปว่า รัฐบาลจีนจะออกกรอบโครงกฎระเบียบใหม่เพื่อผลักดันตัวเองเป็นผู้นำการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัล หรือคงจุดยืนเดิมทั้งที่รู้ว่า อุตสาหกรรมนี้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้นทุกขณะ