xs
xsm
sm
md
lg

ต่างชาติแห่ย้ายถิ่นฐานมาไทย หนุนลงทุนอสังหาฯ แบรนด์เนมมูลค่า 1.91 แสนล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยขยายขอบเขตจากแบรนด์โรงแรมไปสู่แบรนด์ชั้นนำระดับโลก ทั้งรถยนต์ แฟชั่น และเวลเนส เพื่อสร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ โครงการ Porsche Design Tower Bangkok ของ Ananda สะท้อนให้เห็นถึงการก้าวกระโดดนี้ ด้วยราคาขายต่อตารางเมตรที่สูงที่สุดในตลาดที่ 1 ล้านบาทต่อตารางเมตร และราคาขายต่อยูนิตเริ่มต้นที่ 495 ล้านบาทต่อยูนิต ไปจนถึงสูงสุดกว่า 1,300 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งถือเป็นราคาที่สูงที่สุดในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในขณะนี้ 

โดยประเทศไทยเป็นผู้นำในเอเชียด้านอสังหาริมทรัพย์แบรนด์เนม ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินที่ซื้อขายหรืออยู่ระหว่างการพัฒนา 1.91 แสนล้านบาท ตามรายงานการตลาดอสังหาริมทรัพย์ฉบับใหม่ล่าสุดจาก C9 Hotelworks ในชื่อ "Thailand Branded Residences Market Review 2024"

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานกรรมการบริหาร อนันดา อธิบายถึงเสน่ห์ของอสังหาฯแบรนด์เนมว่า "คนไทยให้ความสำคัญกับแบรนด์ เราจึงเลือก Porsche ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง เพื่อสร้างความแตกต่างในตลาดที่มีการแข่งขันสูง สำหรับเรา การผลักดันราคาและสร้างความแตกต่างเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้โครงการของเราโดดเด่นจากคู่แข่ง"

ตลาดอสังหาริมทรัพย์แบรนด์เนมในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว จากการรายงานของบิลล์ บาร์เนตต์ กรรมการผู้บริหาร C9 Hotelworks มีโครงการอสังหาริมทรัพย์สำหรับที่อยู่อาศัยแบรนด์ทั้งหมด 46 โครงการ ประกอบด้วย 10,081 ยูนิต โดย 67% ตั้งอยู่ในพื้นที่รีสอร์ต โดยภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำที่มีโครงการอสังหาริมทรัพย์อยู่ถึง 41% ขณะที่อีก 33% ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรในกรุงเทพฯ อยู่ที่ 279,600 บาท ต่อตารางเมตร ซึ่งสูงกว่าในพื้นที่รีสอร์ตเป็นอย่างมาก ซึ่งสะท้อนถึงความพรีเมียมของที่ดินในเมืองหลวง

ตลาดอสังหาริมทรัพย์แบรนด์เนมในไทยกำลังเปลี่ยนแปลงไป นักพัฒนาเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งเพื่อดึงดูดผู้ซื้อต่างชาติมากขึ้นโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ด้วยเงื่อนไขสินเชื่อที่เข้มงวดสำหรับผู้ซื้อในประเทศ เศรษฐกิจที่ซบเซา และอุปทานที่ล้นตลาดจากกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่

บิลล์ บาร์เนตต์ กรรมการผู้บริหาร C9 Hotelworks กล่าวว่า "การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นการผลักดันให้อุตสาหกรรมอสังหาฯ ไทยก้าวไปอีกขั้น โดยมีการนำแบรนด์ระดับโลกมาผสมผสานเพื่อสร้างชุมชนไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าระดับไฮเอนด์ ตัวอย่างเช่น โครงการ Tri Vananda ในภูเก็ต ที่ได้ร่วมมือกับแบรนด์สุขภาพระดับโลกอย่าง La Prairie และ Gardens of Eden เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างและตอบโจทย์ของผู้อยู่อาศัย โครงการแบบบูรณาการนี้มี มาร์ติน เพลเลโรส์ สถาปนิกผู้คว้ารางวัลชนะเลิศระดับนานาชาติเป็นผู้ออกแบบ ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและยกระดับราคา"


ต่างชาติแห่ลงทุนอสังหาฯ แบรนด์เนมไทย

ตลาดอสังหาริมทรัพย์แบรนด์เนมในไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต เนื่องจากประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติและผู้ที่มองหาที่อยู่อาศัยหลักหรือรอง ข้อได้เปรียบที่น่าดึงดูด ได้แก่  การอนุญาตให้ชาวต่างชาติเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียม วีซ่าพำนักระยะยาว และการย้ายถิ่นฐานของผู้คนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย

การแข่งขันในตลาดอสังหาริมทรัพย์แบรนด์เนมของไทยจะเข้มข้นขึ้น เนื่องจากมีแบรนด์ต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้แบรนด์ไทยต้องแข่งขันกับแบรนด์ระดับโลก


กำลังโหลดความคิดเห็น