นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (26 ก.ย.) ที่ระดับ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 32.60 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.50-32.85 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในลักษณะ Sideways Up หรือทยอยอ่อนค่าลงบ้าง (กรอบการเคลื่อนไหว 32.59-32.81 บาทต่อดอลลาร์) ตามการทยอยแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินดอลลาร์ ที่ได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ซึ่งมีส่วนกดดันให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) พลิกกลับมาอ่อนค่าลงทะลุระดับ 144.50 เยนต่อดอลลาร์อีกครั้ง ขณะเดียวกัน เงินยูโร (EUR) กลับมาอ่อนค่าลงบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรการปรับตัวขึ้นของหุ้นธีม China-Recovery Optimism (ความหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน) ออกมาบ้าง นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้กดดันให้ราคาทองคำมีจังหวะย่อตัวลงบ้าง เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวมีส่วนกดดันเงินบาทได้บ้าง
สำหรับวันนี้ ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 20.20 น. ตามเวลาประเทศไทย พร้อมกันนั้นผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) รวมถึงคาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ครั้งสุดท้าย
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยเฉพาะในส่วนของประธาน ECB Christine Lagarde ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า ในช่วงระหว่างวันก่อนที่ตลาดจะทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดและเจ้าหน้าที่ ECB เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ sideways 32.60-32.80 บาทต่อดอลลาร์ไปก่อนได้ โดยเรามองว่า โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทอาจชะลอลงบ้างหลังเงินดอลลาร์เริ่มทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นตามการอ่อนค่าลงบ้างของบรรดาสกุลเงินหลัก นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดอาจเริ่มทยอยขายทำกำไรสถานะการลงทุนธีมความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนได้บ้าง ซึ่งจะช่วยชะลอการแข็งค่าของบรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชียได้ ดังจะเห็นได้จากการที่เงินหยวนจีน (CNY) ไม่ได้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องชัดเจน (ผู้เล่นในตลาดยังไม่ได้มั่นใจมากนักต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน) นอกจากนี้ ภาพดังกล่าวอาจส่งผลกระทบให้บรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยขายทำกำไรสถานะถือครองสินทรัพย์ไทยได้บ้าง อย่างไรก็ดี ตราบใดที่ราคาทองคำยังพอมีจังหวะปรับตัวสูงขึ้น เข้าใกล้จุดสูงสุดก่อนหน้าที่ทำไว้ เงินบาทอาจยังไม่สามารถอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ชัดเจน และอาจยังเห็นเงินบาทติดอยู่แถวโซนแนวต้าน 32.80 บาทต่อดอลลาร์ได้
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนของตลาดค่าเงิน ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB โดยเราคงกังวลว่า ผู้เล่นในตลาดอาจทยอยปรับลดความคาดหวังต่อการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟดได้บ้าง หากบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างย้ำจุดยืนทยอยลดดอกเบี้ยตาม Dot Plot ล่าสุด นอกจากนี้ ควรระวังการปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยของฝั่ง ECB เช่นกัน หลังผู้เล่นในตลาดยังไม่ได้คาดหวังว่า ECB จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้พอสมควร ทว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนในระยะหลังนี้ออกมาไม่สดใส และสะท้อนภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น