xs
xsm
sm
md
lg

ก.ล.ต.-ตลท.วางเกณฑ์ บจ. นำหุ้นไปจำนำนอกระบบได้ภายในปี 68

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมายและหน้าหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กรและกำกับองค์กร ในฐานะโฆษกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซ้าย และนายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ขวา
ตลาดหุ้นไทยแถลงร่วมสำนักงาน ก.ล.ต. ร่างหลักเกณฑ์ร่วม และสำรวจความคิดเห็นนำหุ้นของบริษัทไปวางเป็นหลักประกันการกู้ยืมและการนำหลักทรัพย์ไปวางเป็นหลักประกัน โดยเฉพาะการนำไปวางไว้กับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ หรือ Custodian ทั้งในประเทศและต่างประเทศภายในปี 68

นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ ในฐานะโฆษกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. อยู่ระหว่างศึกษาการออกหลักเกณฑ์ใหม่ ให้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งที่เป็นผู้บริหารและไม่เป็นผู้บริหาร เปิดเผยรายงานกรณีการนำหุ้นของบริษัทไปวางเป็นหลักประกันการกู้ยืม โดยเฉพาะการนำไปวางไว้กับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ หรือ Custodian ทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าจะสามารถสรุปรายละเอียดการรายงาน รวมไปถึงช่องทางการเปิดเผยข้อมูลได้ภายในปี 67 คาดจะออกหลักเกณฑ์และบังคับใช้ได้ภายในปี 68

ทั้งนี้ ปัจจุบันการนำหุ้นไปวางไว้เป็นหลักประกันไว้กับ Custodian ไม่ได้มีการบันทึกข้อมูลในระบบของบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (TSD) และไม่ได้อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ผู้ลงทุนไม่สามารถรู้ข้อมูลได้เลยว่าผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทจดทะเบียนนำหุ้นไปวางไว้ที่ไหนบ้าง และเมื่อเกิดกรณีหุ้นหายจาก Custodian เพราะผู้ให้กู้นำหุ้นไปขาย จึงทำให้เกิดผลกระทบต่อผู้ลงทุนตามมา และผลกระทบยังเกิดขึ้นกับผู้ถือหุ้นใหญ่รายอื่นด้วย เนื่องจากผู้ให้กู้สามารถสั่งขายหลักทรัพย์ได้เมื่อเกิด Trigger Event ตามที่ได้ตกลงไว้ในสัญญา

“มีโอกาสน้อยมากที่เราจะรู้ว่าผู้บริหาร หรือผู้ถือหุ้นมีการนำหุ้นไปจำนำนอกระบบ ซึ่งเราอยู่ระหว่างพิจารณาหลักเกณฑ์ใหม่ เพื่อให้มีการเปิดเผยหรือรายงานการนำหุ้นไปวางเป็นหลักประกันนอกระบบ เพื่อให้นักลงทุนได้ทราบ และใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนในหุ้นนั้นๆ” นายเอนก กล่าว

นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมายและหน้าหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กรและกำกับองค์กร ในฐานะโฆษกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ลักษณะของธุรกรรมของการนำหลักทรัพย์ไปวางเป็นหลักประกันมีหลากหลาย ประกอบด้วย

1.การกู้ยืมกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เพื่อซื้อหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ (Margin Loan) โดยผู้ถือหลักทรัพย์ตกลงให้บล.บันทึกข้อมูลการใช้หุ้นเป็นหลักประกัน ซึ่งบล.จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง (เช่น ม.195 กฎหมายหลักทรัพย์) ได้แก่ บล.ต้องจัดให้มีบัญชีหลักทรัพย์ที่ใช้เป็นประกันแยกต่างหากตามแบบที่ ตลท.กำหนด บล.ต้องรักษาหลักทรัพย์ให้ตรงตามประเภท ชนิด และจำนวนตลอดเวลา

2.การกู้ยืม/ขอวงเงินกับ Credit Provider (Lender) หรือการจำนำหุ้น แบ่งเป็นการบันทึกข้อมูลหลักประกันผ่านสมาชิก TSD (เช่น บล.) โดยผู้ถือหลักทรัพย์ (ผู้กู้) ตกลงให้ บล.บันทึกการใช้หุ้นเป็นหลักประกัน หรือตกลงให้ผู้ให้กู้ยึดถือหุ้นไว้เป็นหลักประกัน

3.ไม่บันทึกข้อมูลหลักประกันในระบบของ TSD โดยถือหลักทรัพย์ (ผู้กู้) นำหุ้นไปวางเป็นหลักประกัน ตกลงให้ผู้ให้กู้ยึดถือหุ้นไว้เป็นหลักประกันกับ Custodian ในประเทศ หรือต่างประเทศ ซึ่งผู้ให้กู้สามารถสั่งขายหุ้นได้เมื่อเกิด Trigger Event ตามที่ได้ตกลงไว้ในสัญญา


กำลังโหลดความคิดเห็น