xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 33.39 แกว่งตัว sideways รอผลประชุมเฟด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (18 ก.ย.) ที่ระดับ 33.39 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 33.30 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.25-33.50 บาท/ดอลลาร์ (ในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุม FOMC) และประเมินกรอบเงินบาทในช่วง 33.00-34.00 บาท/ดอลลาร์ (ในช่วงทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC) โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาททยอยอ่อนค่าลงเล็กน้อยเข้าใกล้โซนแนวต้าน 33.40 บาทต่อดอลลาร์ที่เราประเมินไว้ในวันก่อนหน้า หลังเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นบ้าง ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ยอดค้าปลีก (Retail Sales) และยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) ในเดือนสิงหาคมที่ออกมาดีกว่าคาด

นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้กดดันให้ ราคาทองคำ (XAUUSD) ทยอยปรับตัวลดลงเกือบ -20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่ระดับ 2,560-2,570 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างคงคาดหวังการเร่งลดดอกเบี้ย -50bps ของเฟดในการประชุม FOMC เดือนกันยายนที่จะถึงนี้ และแนวโน้มการลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่องพอสมควรของเฟด สำหรับวัฏจักรการลดดอกเบี้ยรอบนี้ โดยโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวดังกล่าวมีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงบ้าง

สำหรับวันนี้ ในฝั่งยุโรปผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของอังกฤษ ในเดือนสิงหาคม เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) โดยหากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวลงชัดเจนมากขึ้นอาจเปิดโอกาสให้ BOE สามารถทยอยลดดอกเบี้ยนโยบายได้อีกราว -50bps ในปีนี้ ตามที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่

ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ก่อนที่ตลาดจะรับรู้ผลการประชุมเฟด ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานข้อมูลตลาดบ้านสหรัฐฯ รวมถึงคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 โดย Atlanta Fed พร้อมทั้งจับตารายงานยอดสต๊อกน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นได้ ส่วนในช่วงราว 01.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ของเช้าวันพฤหัสฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นผลการประชุม FOMC เดือนกันยายน โดยเราประเมินว่า เฟดจะเริ่มวัฏจักรนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ด้วยการทยอยลดดอกเบี้ย -25bps สู่ระดับ 5.00-5.25% พร้อมกันนั้นคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด หรือ Dot Plot ใหม่ อาจสะท้อนแนวโน้มการลดดอกเบี้ยราว -75pbs ในปีนี้ การลดดอกเบี้ยอีกราว -100bps ในปี 2025 และการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปี 2026 ราว -75bps จนถึงระดับ 2.75%-3.00% พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ใหม่ของเฟด (Summary of Economic Projections) และรอจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ในช่วง Press Conference อย่างใกล้ชิด

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจยังคงแกว่งตัว sideways ไปก่อนได้ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นผลการประชุม FOMC ของเฟดในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสฯ นี้ อย่างไรก็ดี ในช่วงระหว่างวัน เงินบาทอาจมีจังหวะอ่อนค่าลงได้บ้างตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวของผู้เล่นในตลาดบางส่วน หลังราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงมาบ้างจากจุดสูงสุดใหม่ นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติและผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจทยอยขายทำกำไรสินทรัพย์ไทยได้บ้าง รวมถึงสถานะ Net Long THB (มองเงินบาทแข็งค่าขึ้น) ก่อนที่จะรับรู้ผลการประชุมเฟด อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าลงของเงินบาทอาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้ส่งออกบางส่วนอาจรอจังหวะที่เงินบาทอ่อนค่าลงบ้างในการทยอยขายเงินดอลลาร์ โดยเฉพาะในช่วงโซน 33.40-33.50 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ เรามองว่าควรระวังความผันผวนในตลาดช่วงทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของอังกฤษ โดยหากอัตราเงินเฟ้ออังกฤษชะลอลงชัดเจนและต่ำกว่าคาด อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดเพิ่มโอกาสที่ BOE จะสามารถลดดอกเบี้ยได้มากกว่า -50bps ในปีนี้ได้ ซึ่งอาจกดดันให้เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) อ่อนค่าลงได้บ้าง แต่อาจไม่มากนัก เนื่องจากสุดท้ายผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นผลการประชุม FOMC

แม้เราจะคงมุมมองเดิมที่แตกต่างจากมุมมองของผู้เล่นในตลาดว่า เฟดจะทยอยลดดอกเบี้ยราว -25bps ในการประชุมเดือนกันยายนนี้ ส่วน Dot Plot ใหม่จะไม่ได้สะท้อนถึงแนวโน้มการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟดอย่างที่ตลาดคาดหวัง ซึ่งในกรณีดังกล่าว อาจเห็นการปรับตัวขึ้นบ้างของเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์สหรัฐฯ ซึ่งจะกดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาทได้ไม่ยาก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การออกมาสนับสนุนการเร่งลดดอกเบี้ย -50bps ของเฟดในการประชุมเดือนกันยายนนี้ โดยบรรดาอดีตเจ้าหน้าที่เฟด อดีตที่ปรึกษาประธานเฟด และอดีตนักเศรษฐกิจศาสตร์ของเฟด ทำให้เรามองว่าเฟดอาจเร่งลดดอกเบี้ย -50bps ได้จริง ตามที่ตลาดกำลังคาดหวัง (สวนทางกับที่เราประเมินไว้) แต่เรามองว่า ประเด็นสำคัญจะอยู่ที่ Dot Plot ใหม่ ของเฟดว่าจะมีแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในอัตราเร่งตามที่ตลาดกำลังคาดหวังหรือไม่ และเฟดจะทยอยลดดอกเบี้ยลงไปถึงระดับไหน (Long-run Rate)

โดยในกรณีที่มุมมองของเรานั้นถูกต้อง เฟดไม่ได้เร่งลดดอกเบี้ยและไม่ได้ส่งสัญญาณเร่งลดดอกเบี้ยผ่าน Dot Plot ใหม่ ตามที่ตลาดกำลังคาดหวัง เงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์สหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้น กดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง ส่วนเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงได้เร็วจนอาจเข้าใกล้โซนแนวต้าน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ได้

ทว่า หากเฟดเร่งลดดอกเบี้ยได้จริงตามที่ตลาดคาดหวัง ส่วน Dot Plot ใหม่ไม่ได้ต่างจากที่ตลาดประเมินไว้มาก ในกรณีนี้ หากแนวโน้มการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟดดังกล่าว ไม่ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงชะลอตัวลงหนัก หรือเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจะขึ้นกับการสื่อสารของเฟดและคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจใหม่ เรามองว่า บรรยากาศอาจยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงได้ (Risk-On) ซึ่งอาจเห็นการปรับตัวลดลงบ้างของเงินดอลลาร์ ขณะที่บอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจทรงตัว ส่วนราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นทดสอบจุดสูงสุดใหม่ก่อนหน้าอีกครั้ง ทำให้เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นทดสอบโซน 33.00 บาทต่อดอลลาร์ได้เช่นกัน

ทั้งนี้ หากเฟดเร่งลดดอกเบี้ย และส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยต่อเนื่องอย่างที่ตลาดคาดหวัง แต่การสื่อสารของเฟดกลับทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวลงหนัก หรือเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เรามองว่า ในกรณีนี้ อาจเห็นการอ่อนค่าลงได้พอสมควรของเงินดอลลาร์ หากผู้เล่นในตลาดเร่งเพิ่มสถานะ Net Long JPY (มองเงินเยนญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้น) ตามความต้องการถือเงินเยนเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เช่นกัน ทำให้เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าหลุดโซนแนวรับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ เปิดโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อได้ถึงโซน 32.50-32.75 บาทต่อดอลลาร์

อย่างไรก็ดี หากเฟดเร่งลดดอกเบี้ย -50bps ในการประชุมครั้งนี้ แต่กลับไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมเร่งลดดอกเบี้ยต่อเนื่องอย่างที่ตลาดคาดหวัง เรามองว่า เงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เสี่ยงที่จะปรับตัวสูงขึ้นบ้าง กดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาท ทว่า แรงกดดันดังกล่าวอาจไม่มากนัก เมื่อเทียบกับกรณีที่เฟดไม่ได้เร่งลดดอกเบี้ย ทำให้เงินบาทอาจอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านแรกแถว 33.70-33.80 บาทต่อดอลลาร์
กำลังโหลดความคิดเห็น