ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขอให้บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ (BYD) ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินไตรมาสที่ 2 ปี 2567 ซึ่งมีรายได้หลักมาจากดอกเบี้ยรับเงินให้กู้ยืมกับบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) คิดเป็น 65% ของรายได้ โดย TSB ขอพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 3 ปี ส่งผลให้งวด 6 เดือนปี 2567 บริษัทไม่มีกระแสเงินสดจากดอกเบี้ยรับ ซึ่งอาจกระทบต่อฐานะการเงิน การตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ผลการดำเนินงาน และสภาพคล่องของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ จึงขอให้ชี้แจงข้อมูลผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 โดยขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลงบการเงินของ BYD และติดตามคำชี้แจงของบริษัท
โดยในงวด 6 เดือนปี 67 พบเงินให้กู้ยืมกับ TSB จำนวน 9,697 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 65 และปี 66 มีจำนวน 8,550 ล้านบาท และ 9,150 ล้านบาทตามลำดับ และดอกเบี้ยค้างรับจาก TSB งวด 6 เดือนปี 67 จำนวน 285 ล้านบาท เพิ่มจากปี 66 ที่มี 4 ล้านบาท
ทั้งนี้ เงินให้กู้ยืมคิดเป็น 77% ของสินทรัพย์รวม โดยมีการวางหลักประกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นของบริษัทที่มีส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ ทำให้มูลค่าหลักประกันลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และ TSB ได้พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 3 ปี เริ่มชำระ 31 ม.ค.70
ขณะที่รายได้หลักของ BYD มาจากดอกเบี้ยจาก TSB แต่ไม่ได้รับชำระดอกเบี้ยตั้งแต่ต้นปี 67
ส่วนหลักประกันเป็นหุ้น บ.เอช อินคอร์ปอเรชั่น (ACE) บ.สมาร์ทบัส บ.ไทยสมายล์ โบ้ท และ บ.เบลี่ เซอร์วิส ซึ่งในปี 66 มีผลขาดทุนทุกบริษัทเว้น บ.เบลี่ เซอร์วิส
ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้คณะกรรมการบริษัทให้ความเห็นในประเด็น ดังนี้
1.ผลกระทบจากการพักชำระหนี้ให้ TSB ต่อฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน และสภาพคล่องของบริษัท
2.นโยบายการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของเงินให้กู้ยืมกับ TSB เนื่องจากปี 2566 TSB มีผลการดำเนินงานขาดทุนและส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ
3.ความเพียงพอของมูลค่าหลักประกันเงินให้กู้ยืมกับ TSB และมาตรการดูแลความเสี่ยงและการดำเนินการของบริษัทในการดูแลลูกหนี้ TSB