นับตั้งแต่ต้นปี 2024 ผลตอบแทนของ Ethereum อยู่ที่ประมาณ 5% แต่ถ้านับจากจุดสูงสุดที่ทำได้ที่ 4,000 ดอลลาร์ ราคาได้ปรับตัวลงมากว่า 40% และผลตอบแทนยังตามหลัง Bitcoin ค่อนข้างมากจากเดิมที่ผลตอบแทนจะไม่ต่างกันมากนัก ที่สำคัญนับตั้งแต่มีการเปิดซื้อขาย Ethereum ETF เป็นต้นมาราคา Ethereum เป็นขาลงมาอย่างต่อเนื่อง
สาเหตุที่ทำให้ผลตอบแทนของ Ethereum ค่อนข้างน่าผิดหวังพอจะมีเหตุผลดังนี้
ข้อแรก..การถูกแทนที่โดย Blockchain Layer1 รุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Solana และ BNB ซึ่งมีจุดเด่นที่ความเร็วในการทำธุรกรรมและค่าธรรมเนียมที่ถูกว่า ทำให้มาร์เกตแชร์ในตลาดบล็อกเชนของ Ethereum ถูกดึงแชร์ออกไปแม้ว่าจะยังคงมีสัดส่วนตลาดอันดับที่หนึ่ง
ข้อสอง..การมาของ Blockchain Layer2 ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทดแทนการใช้งาน Ethereum โดยมีจุดเด่นที่ค่าธรรมเนียมในการดำเนินงานที่ถูกลงและมีความเร็วในการทำทำธุรกรรมที่ดีกว่า การที่ธุรกรรมบนบล็อกเชน Ethereum ลดลงจากการมาของผู้เล่นหน้าใหม่ทำให้พื้นฐานของ Ethereum อ่อนลงไป
ข้อสาม..ตลาด Dapps ยังไม่ฟื้นตัว ตลาดคริปโตในภาพรวมที่แม้ว่าจะพ้นจากจุดต่ำสุดแล้วแต่การใช้งาน Decentralized Application (Dapps) ไม่ว่าจะเป็น DeFi GameFi รวมถึง NFT ยังไม่ฟื้นตัวและกลับไปอยู่ในระดับเดิมในช่วงที่ตลาดคริปโตอยู่ในภาวะกระทิงช่วงปี 2020-2021 ทำให้การใช้งานบล็อกเชนของ Ethereum ลดลง
ข้อสี่..ความเข้าใจของนักลงทุนสถาบันที่มีต่อ Ethereum ไม่เท่ากับ Bitcoin การมาของ Ethereum ETF ทำให้นักลงทุนสถาบันสามารถลงทุนใน Ethereum ได้เช่นเดียวกับ Bitcoin ETF แต่ต้องยอมรับว่านักลงทุนสถาบันมีความเข้าใจในคุณสมบัติของ Bitcoin มากกว่าจากการที่มีการพูดถึงในวงกว้าง ขณะที่ Ethereum ยังมีการใช้งานที่เข้าใจยาก ส่งผลต่อความต้องการของนักลงทุนสถาบัน
ข้อห้า..แรงเทขายจาก Grayscale Ethereum Trust โดยก่อนหน้าที่จะมี Ethereum ETF นักลงทุนสถาบันได้ถือครอง Ethereum ผ่าน Grayscale Trust ซึ่งมีค่าธรรมเนียมที่สูง หลังจากที่มี Ethereum ETF ซึ่งมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่า ทำให้เกิดแรงขายใน Grayscale Ethereum Trust ออกมาและบางส่วนยังไม่กลับเข้าไปซื้อใน ETF กองอื่น
จากเหตุผลดังกล่าวทำให้ Ethereum มีผลตอบแทนที่แย่กว่า Bitcoin โดยเฉพาะการทำธุรกรรมบนเชนที่ลดลงมีผลต่อซัพพลายของ Ethereum ที่จะเพิ่มขึ้นเพราะอัตราการเผาเหรียญ Ethereum จะลดลงตามการทำธุรกรรมที่ลดลงไปด้วย จนทำให้ Ethereum กลับมาสู่ภาวะเงินเฟ้อหรือมีซัพพลายมากกว่าดีมานด์ซึ่งมีผลต่อราคาในตลาด
อย่างไรก็ตามถ้าหากตลาดคริปโตในภาพรวมกลับมาเป็นขาขึ้น ความต้องการใช้งานบล็อกเชนก็จะเพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลดีต่อ Ethereum ในที่สุด จากการที่เป็นเหรียญมาร์เกตแคปใหญ่และมีกองทุน ETF ให้นักลงทุนสถาบันสามารถลงทุนได้ เชื่อว่า Ethereum จะสามารถกลับมามีผลตอบแทนที่ดีได้ โดยเฉพาะถ้าหากกระแส RWA หรือ Real World Asset เติบโตได้จริง Ethereum ซึ่งเป็นบล็อกเชนหลักในการทำธุรกรรมน่าจะได้รับความนิยมค่อนข้างแน่
หมายเหตุ บทความนี้เป็นการวิเคราะห์พื้นฐานเทคโนโลยีบล็อกเชน ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุนแต่อย่างไร
บทความนี้ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน นักลงทุนต้องพิจารณาโอกาสและความเสี่ยงหลายด้านก่อนตัดสินใจลงทุน
บทความโดย : ณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS)
สงวนลิขสิทธิ์บทความเฉพาะสื่อในเครือหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ MGR online , iBit และ ที่ได้รับอนุญาติจากผู้เขียนซึ่งเป็นเจ้าของบทความเท่านั้น