นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (13 ก.ย.) ที่ระดับ 33.40 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นมากจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 33.75 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.25-33.50 บาท/ดอลลาร์ (ควรระวังความผันผวนในช่วงทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ)โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องหลุดโซนแนวรับ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ที่เราประเมินไว้ (แกว่งตัวในกรอบ 33.39-33.76 บาทต่อดอลลาร์) ตามการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต PPI เดือนสิงหาคมที่ออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ยังคงหนุนให้ผู้เล่นในตลาดเชื่อว่าเฟดยังมีโอกาสเร่งลดดอกเบี้ยทั้งในปีนี้และปีหน้าได้
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) สู่ระดับ 3.50% ตามคาด ทว่า ECB ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่อง ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงประเมินว่า ECB อาจไม่ได้เร่งลดดอกเบี้ยเหมือนกับเฟด ขณะเดียวกัน ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ มีส่วนกดดันเงินดอลลาร์เพิ่มเติม และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เงินบาทยังได้แรงหนุนจากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ หนุนโดยการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และแรงซื้อจากบรรดานักลงทุนประเภท CTA (Commodity Trading Advisor) ที่อาจใช้กลยุทธ์ Trend Following
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ ที่สำรวจโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) ในเดือนกันยายน เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อระยะสั้นและระยะยาว (Inflation Expectations) จากรายงานดังกล่าวด้วยเช่นกัน
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น ทำให้มุมมองของเราที่ประเมินว่าเงินบาทได้ส่งสัญญาณกลับตัวอ่อนค่าลงในเชิงเทคนิคัลอาจผิดไปได้ หลังราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้านและทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ดี เราคงมุมมองเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังแนวโน้มการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟดมากเกินไปทำให้มีความเสี่ยงที่ในสัปดาห์หน้า ผู้เล่นในตลาดอาจต้องมีการปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดใหม่ หากคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด (Dot Plot) ใหม่ ไม่ได้สะท้อนถึงแนวโน้มการเร่งลดดอกเบี้ยตามที่ตลาดกำลังคาดหวัง ทำให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น กดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาทได้ไม่ยาก
นอกจากนี้ ในเชิงเทคนิคัลการแข็งค่าขึ้นล่าสุดของเงินบาท หากประเมินจากกราฟรายวันของ USDTHB ยังเห็นสัญญาณ RSI Bullish Divergence อยู่ แม้ว่าในส่วนของ MACD และ Stochastic จะเริ่มสะท้อนโอกาสที่เงินบาทอาจแข็งค่าขึ้น ทำให้เรามองว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideways แถวโซน 33.30 บาทต่อดอลลาร์เป็นอย่างน้อย ก่อนที่จะทยอยอ่อนค่าลงได้บ้าง ซึ่งต้องรอลุ้นผลการประชุมเฟด
อนึ่ง ในช่วงระหว่างวัน เงินบาทอาจยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าตามบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำของผู้เล่นในตลาดบางส่วน ทว่า การแข็งค่าของเงินบาทอาจถูกชะลอลงบ้างตามการเข้าซื้อเงินดอลลาร์ของผู้นำเข้าบางส่วน รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันดิบ
อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนในช่วงหลังตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมถึงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดได้ และทำให้เงินดอลลาร์อาจเคลื่อนไหวไปตามการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด