กรมสรรพสามิตเผยจัดเก็บรายได้ 11 เดือนสูงกว่าปีก่อน 10.6% โดยมีภาษีแบตเตอรี่และภาษีเครื่องดื่มที่ไม่ใช่สุราเป็นดาวเด่น ขณะที่ภาษีรถยนต์ติดลบ 30% พร้อมตั้งเป้านำเงินส่งคลังจากการปราบปรามเพิ่มขึ้นถึง 47% จากเป้าปราบปราม 5% ผลจากจับกุมบุหรี่เถื่อนเลี่ยงภาษี
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้รอบ 11 เดือนในปี 2567 จัดเก็บได้สูงกว่าปีก่อน 10.6% เท่ากับ 4.82 แสนล้านบาท โดยเป้าจัดเก็บได้ประเมินเทียบกับจีดีพีไทยโต 2-2.5% ทั้งนี้ ผลจากที่ช่วยอุดหนุนน้ำมันดีเซลและเบนซิน และลดภาษีรถยนต์อีวี รวมถึงการเข้าช่วยเหลือจากนโยบายต่างๆ จากทางรัฐบาลทำให้กรมได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังให้ลดเป้าจัดเก็บภาษีสรรพสามิตอยู่ที่ระดับ 5.2 แสนล้านบาท
“วันนี้จัดเก็บภาษี 11 เดือนได้ 4.82 แสนล้านบาท เหลืออีก 1 เดือน เชื่อว่าจะเก็บภาษีได้ตามเป้าที่ 5.2 แสนล้านบาท มีภาษีดาวเด่นคือ ภาษีแบตเตอรี่มีการขยายตัวสูงถึง 16% แม้มีวอลุ่มน้อย ภาษีเครื่องดื่มที่ไม่ใช่สุราปรับตัวสูงขึ้น 8% ส่วนภาษีเบียร์และสุราขยายตัว 4-5% แต่สุราชุมชนจะขยายตัวมากกว่าปกติอยู่ที่ 5% โดยกรมสรรพสามิตตั้งเป้าเงินนำส่งกระทรวงการคลังเพิ่มขึ้น 5% จากการปราบปราม วันนี้ปราบปรามสูงกว่าปีก่อนถึง 47% สำหรับภาษีที่ปรับตัวลดลงคือ ภาษีรถยนต์ -30% ซึ่งเป็นตัวเลขของสภาอุตสาหกรรมรายงาน ยอมรับว่าเป็นภาษีที่เกิดอุปสรรคขณะนี้ โดยการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตภาพรวมในอดีตที่ผ่านมา 40% คือภาษีน้ำมัน อีก 20% คือภาษีรถยนต์ และอันดับที่ 3 คือเบียร์ แต่ข้อมูลล่าสุดภาษีรถยนต์หล่นลงไปมาก”
กรมสรรพสามิตตั้งเป้าขับเคลื่อนชุมชนขนาดใหญ่ด้วยภาษีสรรพสามิต มุ่งสู่สังคม สิ่งแวดล้อมและธรรรมาภิบาลอย่างแท้จริง โดยด้านสิ่งแวดล้อม การไปช่วยเหลือกลุ่มสุราชุมชน และดูแลลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยเอาส่าเหล้าไปเลี้ยงหมู อุจจาระหมูเอาไปทำก๊าซเป็นเชื้อเพลิงเพื่อเป็นต้นแบบการจัดการขยะ โดยกรมสรรพสามิตให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจชุมชน เพื่อลดผลกระทบต่างๆ กับชุมชน มีการปราบปรามการเลี่ยงภาษีสรรพสามิต โดย 11 เดือนที่ผ่านมา ปราบปรามได้ถึง 3.1 หมื่นคดี เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 27% พบบุหรี่เถื่อนจำนวนมากที่ปราบปราม ทำให้มีเงินนำส่งเข้าคลังเพิ่มขึ้น
ส่วนเรื่องธรรมาภิบาลมีการสนับสนุนให้มีการทำบัญชีเพื่อการเสียภาษีอย่างถูกต้อง เพื่อให้หลักฐานการเสียภาษีเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถใช้เป็นหลักฐานในการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินของรัฐได้ง่ายขึ้น และนำดิจิทัลมาใช้ ภาษีสุราชุมชน (ภาษีสุราแช่ สุรากลั่น) ในภาพรวมการเก็บภาษีโตประมาณ 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ภาษีสุราแช่ มีการปรับลดอัตราภาษีอยู่ในขณะนี้ มีอัตราภาษีเติบโตถึง 16% ส่วนภาษีคาร์บอน มีการศึกษารายละเอียดเสร็จหมดแล้ว เพื่อนำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งประเทศไทยได้สัญญาไว้แล้วว่าจะดำเนินการให้สำเร็จภายใน 6 ปีข้างหน้า ซึ่งภาษีคาร์บอนจะเป็นตัวแรกที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานสากล
กรมสรรพสามิตจะแปลงภาษีน้ำมัน เป็นภาษีคาร์บอน เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนมากนัก ส่วนรถยนต์อีวีกระแสมีการเปลี่ยนผ่านไปใช้รถยนต์อีวีไฟฟ้ามากขึ้น แต่เงื่อนไขที่กรมสรรพสามิตให้ลดภาษีจาก 8% เหลือ 2% ทำให้กรมสูญเสียรายได้ภาษี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เงื่อนไขที่กรมตั้งไว้ว่า การรับเงื่อนไข EV3.0 และ EV3.5 จะต้องมาตั้งโรงงานในไทย และต้องผลิตรถยนต์ในไทยรวมถึงการผลิตชดเชยสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับ ทำให้เกิดฐานการผลิตรถยนต์ในไทย ทำให้ประเทศมหาอำนาจมีการย้ายฐานการผลิตรถยนต์มาไทย รวมเม็ดเงินลงทุน 8 หมื่นล้านบาทที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ EV รวมทั้งแบตเตอรี่ด้วย
